"พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ค่ายรามสูร" อดีตฐานเรดาร์ทหารอเมริกัน สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ในเขตพื้นที่ทหาร จ.อุดรธานี

วันที่ 23 ตุลาคม 2561 เวลา 16.00 น.ททท.ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำคณะผู้ประกอบการ การท่องเที่ยวและสื่อมวลชน เดินทางมายัง"พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ค่ายรามสูร" อดีตฐานเรดาร์ทหารอเมริกัน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการ

มุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวในมิติต่างๆเพื่อให้เกิดรายได้ ลดความเลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน โดยมีหมายกำหนดการเดินทาง 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 23-25 ตุลาคม 2561 แบ่งเป็น 2 เรื่องหลัก 1 ส่งเสริมการท่องเที่ยว ทดสอบสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว 2 ไปชมปรากฏการณ์"บั้งไฟพญานาค" ที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกปี สำหรับการเดินทางออก

สำรวจเส้นทางส่งเสริมการท่องเที่ยว ทดสอบศักยภาพสินค้าและบริการในครั้งนี้ เป็น 1 ใน  7 เส้นทางหลัก 20 จังหวัดภาคอีสาน ที่ ททท.ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ทำแผนการตลาดเอาไว้สำหรับปี 2562  สำหรับ"พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ค่ายรามสูร" อดีตฐานเรดาร์ทหารอเมริกันนั้น สมัยสงครามระหว่างอเมริกากับสามประเทศอินโดจีน ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษที่ 25 อันเนื่องมาจากความต่างทางด้านลัทธิ

(เสรีประชาธิปไตย กับ คอมมิวนิสต์) อเมริกาใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพในการทำสงครามกับประเทศอินโดจีนมาตลอดระยะเวลา สามประเทศอินโดจีนใช้สงครามกองโจร วางกับระเบิดและใช้หน่วยจรยุทธในการโจมตีหน่วยทหารขนาดใหญ่ ส่งผลทำให้ทหารอเมริกันต้องบาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก และอีกส่วนหนึ่งกลายเป็นคนโรคประสาทกลับประเทศ เกิดการเสียขวัญและกำลังใจในหมู่ประชาชนคนอเมริกัน ทำให้รัฐบาลถูกประชาชนอเมริกันตำหนิและกดดันให้ต้องยุติสงครามกับสามประเทศอินโดจีนและในปี 2519 ค่ายรามสูร จึงเกิดขึ้นจากการตั้งชื่อค่ายของล่ามภาษาไทยคนหนึ่ง

โดยเขาเอาเรื่องรามสูรขว้างขวานมาเป็นปฐมเหตุแห่งชื่อดังกล่าว โดยเปรียบเทียบสัญญาณเรดาห์ว่าเป็นสายฟ้าอะไรทำนองนั้น ท้ายสุดก็กลายมาเป็น"ค่ายรามสูร"ในหมู่คนไทยและทำให้คนไทยเมืองอุดรได้ทำมาหากินกับทหารอเมริกัน บ้างก็เป็นเมียเช่า บ้างก็แต่งงานเกิดเด็กลูกครึ่งมากมายกลายเป็นปัญหาสังคมหลังจากที่อเมริกาถอนทหารออกไปในปี 2519 หลังจากพ่ายแพ้ต่อสามประเทศอินโดจีนที่นำโดยโฮจิมินห์ ทหารอเมริกันถอนทหารออกไปแต่ยังทิ้งอาคารและอุปกรณ์เรดาร์จำนวนมากเอาไว้ให้

กองบัญชาการทหารสูงสุดของไทยดูแล ต่อมากองบัญชาการทหารสูงสุดส่งต่อให้กองทัพบกดูแล กองทัพบกก็ให้หน่วยทหารในพื้นที่คือกองพันต่าง ๆ ที่ขึ้นต่อค่ายประจักษ์ศิลปาคมหมุนเวียนกันมาดูแลเรื่อยมาจนมาตกถึงมือของ ร.13 พัน 1  จนวันที่ 22 สิงหาคม 2540 ได้มีประกาศสำนักนายกว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งชื่อค่ายรามสูรเดิมว่าค่าย “พญาสุนทรธรรมธาดา” ทำให้ค่ายเรดาร์รามสูรกลายเป็นความทรงจำของผู้คนในอดีตไป สถานีเรดาร์ก่อนที่ทหารจะเข้ามาถูกราษฎรเข้ามาบุกรุก

งัดเอาเหล็กและอื่น ๆ ไปขาย อาคารต่าง ๆ ก็เหลืออยู่ในสภาพที่ร้างและพังลง บางส่วนกลายเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาว ในวันที่กองทัพบกพยายามทำงานมวลชนด้วยการเปิดค่ายทหารต่าง ๆ ทั่วประเทศให้ประชาชนได้เข้าไปท่องเที่ยวในค่ายทหาร "ค่ายพญาสุนทรธรรมธาดา" ซึ่งอดีตเคยเป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์ในการนำร่องเครื่องบินในการเข้าโจมตีอินโดจีน ก็เป็นอีกค่ายหนึ่งที่เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมทุกวันไม่มีวันหยุดราชการ

ภายในค่ายแห่งนี้มีกิจกรรมมากมาย เอาไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว อาคารแรก จะเป็นอาคารประชาสัมพันธนักท่องเที่ยว จะมีการบรรยายประวัติของ"ค่ายรามสูร"โดยเจ้าหน้าที่ทหาร เสร็จจากการบรรยาย เจ้าหน้าที่จะพานักท่องเที่ยวไปในสถานีต่างๆที่น่าสนใจในค่ายแห่งนี้ แต่ล่ะสถานีจะมีกิจกรรมต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก ทั้งหอคอยวัดใจ พายเรือแคนนู ยิงปืนระบบ 3D ปั่นจักยาน ฯลฯ รวมถึงมีมุมสวยๆให้ถ่ายภาพกับยุทโธปกรณ์ทางทหาร ได้แก่ รถถัง เครื่องบิน และรถหุ้มเกราะต่างๆ

และสถานีสุดท้าย "ศูนย์การเรียนรู้ ชุมชนรามสูร" ศาสตร์พระราชา ชมการสาธิตแปลงเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ทฤษฏีเกษตรพอเพียง ตามรอยพระบาท สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจสอบถามข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยว จ.อุดรธานี ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี โทร. 0 4232 5406-7