จำนวนผู้เข้าชมวันนี้

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

“สภากัญชาแห่งประเทศไทย (สกท.)” และภาคีเครือข่ายภาคประชาชน เร่งเครื่องเดินหน้า ผลักดันจังหวัดอำนาจเจริญ และมหาวิทยาลัยมหิดลฯ ลงนาม MOU ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่นำร่องตั้ง “โรงพยาบาลกัญชาฯ” แห่งแรกของภูมิภาคอาเซียน

วันที่ 30 เม.ย.62, ณ ห้องประชุมอาคารดลเมธา มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ได้จัดให้มีการประชุมทางวิชาการ เรื่อง “กัญชาไทยยาสมุนไพรอินทรีย์ (ORGANIC)โลก, อำนาจเจริญโมเดล ครั้งที่ 1” โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก อาทิ ดร.จรูญ ลาภจิตร รองประธานสภากัญชาแห่งประเทศไทย, นางชนิดาภา คำชาลี ประธานสภากัญชาจังหวัดสกลนคร,


นายจักรกฤต บรรเจิด ประธานสภากัญชาจังหวัดพิจิตร, นายกิตติศักดิ์ คำมา ประธานสภากัญชาจังหวัดอำนาจเจริญ ตลอดจนนักวิชาการ, กลุ่มผู้สนับสนุนและสมาชิกสภากัญชาฯ, แพทย์แผนไทย, ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง, เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ฯ, กลุ่มเกษตรกร, ญาติผู้ป่วยที่รอใช้สารสกัดกัญชาเพื่อการรักษาฯ, ผู้สังเกตการณ์รับเชิญ และประชาชนผู้สนใจเข้ารับฟังอย่างล้นหลาม นายสุนทร พรหมาธรรม แพทย์แผนไทย (พท.ภ, พท.ว) ประธานกลุ่มแพทย์แผนไทยและแพทย์ภูมิปัญญา กล่าวว่า ตนอยากขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันผลักดันกฎหมายให้แพทย์แผนไทยได้มีโอกาสใช้


ตำรับยาโบราณ (ที่มีกัญชาผสม) ได้ตามภูมิปัญญาดั้งเดิม อาทิ ดอกกัญชารับประทานเป็นยาแก้โรคทางระบบประสาท นอนไม่หลับ คิดมาก เบื่ออาหาร หรือนำไปลนไฟพอเหลืองกรอบ ตำลงในน้ำพริกหรือแกงเผ็ด คนไข้จะเจริญอาหารมาก, ตำราโบราณใช้น้ำจากบ้องที่ผ่านการสูบ, กรอกให้คนที่เป็นอหิวาต์ดื่ม พอนอนหลับ.ตื่นมาก็หาย, และแก้โรคภัยไข้เจ็บกว่า 700 ชนิด ตั้งแต่โรคผิวหนัง หยอดตารักษาต้อ หยอดหู-คอ-จมูก แก้ไซนัส รวมถึงโรคมะเร็ง ถึงกับมีการกล่าวขานเกินจริงไปเลยว่า ไม่มีโรคอะไรที่กัญชารักษา


 ไม่ได้, เพียงแต่อย่านำกฎหมายไปเป็นเครื่องมืออำนวยประโยชน์แก่กลุ่มทุนใหญ่และบริษัทยาข้ามชาติ ควรทำเพื่อให้คนจนได้เข้าถึง ประชาชนทั่วไปและผู้ยากไร้ด้อยโอกาสในประเทศนี้จะได้มีหนทางพ้นทุกข์ หายจากเจ็บป่วยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยต้องวางมาตรการที่ชัดเจนเพื่อรองรับการครอบครองและใช้ประโยชน์ของกลุ่มประชาชนผู้ปลูกอย่างเป็นระบบที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ ทางด้านนายแพทย์สุรพร ลอยหา รองอธิการบดีฯ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ ได้กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยมหิดลฯ มีความพร้อมทางด้านวิชาการ การค้นคว้าและวิจัย ยินดีเสมอที่จะร่วมกับท้องถิ่นและทุกภาคส่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ โดยรับที่จะดำเนินการจัดเตรียมบันทึกความเข้าใจและ


ความร่วมมือ MOU ระหว่างมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ กับกลุ่มเกษตร, วิสาหกิจชุมชน, สหกรณ์การเกษตรฯ รวมถึงวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามข้อกำหนดของกฎหมายในเบื้องต้น โดยบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณะสุขทั้งในพื้นที่และคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในส่วนกลาง เพื่อให้บรรลุตามแผน “อำนาจเจริญโมเดล” สู่จังหวัดนำร่องให้เกิด “โรงพยาบาลกัญชาฯ” เป็นแห่งแรกของประเทศ เพื่อคุณูปการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขแก่ประชาชน นายเชษฐา ไชยสัตย์ ที่ปรึกษาประธานสภาอุตสาหกรรม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า พรบ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2562 ทำให้กัญชา สามารถ


นำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้  แต่ยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษอยู่, รายงานผลการวิจัยหลายแห่งในโลก พบว่าสารสกัดจากกัญชาและพืชกระท่อม มีประโยชน์ทางการแพทย์เป็นอย่างมาก ความพยายามที่จะเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนได้เข้าถึงการครอบครองและการรักษาพยาบาลโดยใช้กัญชาจะเกิดประโยชน์มหาศาล โดยอยากให้ทุกฝ่ายเห็น “คุณค่า” มากกว่าเน้น “มูลค่า”, ที่ผ่านมาผู้ป่วยด้วยโรคร้ายโดยเฉพาะมะเร็ง หลังจากใช้สารสกัดจากกัญชา ส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและจำนวนมากหายจากอาการเจ็บป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทุกฝ่ายวันนี้ พูดในด้านที่เป็นคุณประโยชน์และในฐานะที่เป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ, ทว่าเรื่อง”ยา” คงเป็นเรื่องที่ยังอาจห่างไกล, เพราะกัญชาที่สกัดได้ต้องมาจากเกษตรอินทรีย์เท่านั้น หากปลูกกันแบบเปิด (Outdoor) แล้วป้องกันการปนเปื้อนของยาฆ่าแมลง สารเคมี


โรคพืช ฯ ไม่ได้ สารที่สกัดออกมาได้ ก็จะกลายเป็น “ยาพิษ”, หากปลูกแบบในร่มระบบปิด (Indoor) ต้องลงทุนสูงระดับ 100 ระดับ 1,000 ล้านบาท ชาวบ้านหมดสิทธิ์ปลูก สุดท้ายก็เหลือแต่บริษัทนายทุนใหญ่ที่ปลูกได้เท่านั้น เท่ากับออกกฎหมายให้กลุ่มทุนผูกขาด, เรื่องที่จะปลูกกัญชาขายแก้จน ตนไม่อยากให้เป็นประเด็น สิ่งสำคัญคือ ควรให้ประชาชนคนธรรมดาได้มีโอกาสครอบครองพันธ์ุอะไรก็ได้ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น ไว้กินไว้ใช้แบบพืชผักสวนครัวในสมัยก่อน ตามฐานานุรูป อนุญาตคนละ 5-10 ต้น ก็ได้, แต่ไม่ให้ปลูกกันเอง ต้องรวมกันมาเป็นกลุ่มเกษตรกร ขึ้นทะเบียนชัดเจน แจ้งสถานที่ปลูก ระบุว่าปลูกเพื่ออะไร ปริมาณเท่าไหร่ มีโซนนิ่ง และอื่นๆ ที่ต้องวางกฏกติกา โดยมีคณะกรรมการเฉพาะฯ ในระดับท้องถิ่นร่วมกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด

นายเชษฐา ได้กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องวางหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมและไม่นำไปสู่ปัญหา จนต้องสั่งเผาทำลายและประกาศยกเลิกการปลูก แบบพืช “ฝิ่น” ที่คนไทยเคยติดงอมแงมค่อนประเทศและหลังจากนั้นก็จะเหลือเพียงกลุ่มทุนใหญ่เข้ามาแทน คล้ายกับการผลิต-จำหน่ายสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ที่มีการผูกขาดให้เพียงกลุ่มทุนรายใหญ่ในปัจจุบัน

“กัญชา” เริ่มประกาศใช้เป็นพืชเศรษฐกิจในประเทศอุรุกวัย, แคนาดา, เครือรัฐออสเตรเลีย, ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ฯลฯ โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีการใช้สารจากกัญชามากที่สุดในโลก พบว่ามีการใช้ในทางการแพทย์ 30 มลรัฐ และใช้เพื่อการผ่อนคลาย 9 รัฐ ทั้งนี้รัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกายังถือเป็นสารต้องห้าม แต่ในรัฐที่อนุญาตให้ใช้นั้นก็มีระบุไว้ชัดเจนว่าจะต้องมีปริมาณสาร THC ไม่เกิน 0.5-5% แล้วแต่รัฐ และมีปริมาณสาร CBD มากกว่า 5% ขึ้นไป

อย่างไรก็ตามหาก “อำนาจเจริญโมเดล” บังเกิดผลในทางปฏิบัติ ก็จะเป็นแม่เหล็กขนาดใหญ่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ในกิจกรรมเชิงเกษตรอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปจากกัญชา รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และวิถีชีวิตคนริมโขง ณ “โรงพยาบาลกัญชาฯ” แห่งแรกของประเทศไทย ที่อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ

Cr: คุณทณพัชร ฮีบ ประธานสภากัญชา อำเภอชานุมาน จ.อำนาจเจริญ, คุณธนกฤต สายใจ เครือข่ายจังหวัดอุบลราชธานี. เอื้อเฟื้อข้อมูลและภาพ