จำนวนผู้เข้าชมวันนี้

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2562

ททท.สำนักงานสุรินทร์ นำขบวนคาราวานอีซูซุ ลุยข้ามจังหวัดมุ่งหน้าสู่จังหวัดศรีสะเกษ เป็นวันที่ 2 ของโครงการ"วันธรรมดาน่าเที่ยว @สุรินทร์-ศรีสะเกษ"

วันที่ 21 มีนาคม 2562 ททท.สำนักงานสุรินทร์ นำคณะคาราวานอีซูซุ ออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษเป็นวันที่ 2 ในกิจกรรมโครงการวันธรรมดาน่าเที่ยว @สุรินทร์-ศรีสะเกษ 5 วัน 4 คืน ในช่วงเช้าหลังจากคณะคาราวานอีซูซุได้รับประทานอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อย เวลา 8.00 น ททท.สำนักงานสุรินทร์ได้นำคณะคาราวานอีซูซุออกเดินทางไปยังสถาที่ท่อง


เที่ยวแรก ณ วนอุทยานแห่งชาติพนมสวาย ขึ้นเคาะระฆัง 1080 ใบและกราบสักการะอัฐิของหลวงปู่ดูล อุตโล พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุรินทร์ รวมถึงพระพุทธสุรินทรมงคลหรือหลวงพ่อใหญ่ที่ศักดิ์สิทธิ์ สำหรับวนอุทยานแห่งชาติพนมสวาย หรือเขาสวาย ตั้งอยู่ในพื้นที่ 2 ตำบลคือ ตำบลนาบัว ตำบลสวาย มีเนื้อที่ 1,975 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาสวายท้องที่ตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ "พนมสวาย" เป็นคำภาษาพื้นที่เมืองสุรินทร์ "พนม" แปลว่าภูเขา "สวาย" แปลว่า "มะม่วง" ในหมู่พนมสวายประกอบด้วภูเขา 3 ลูกติดต่อกันซึ่งมีมีชื่อพื้นเมืองเรียกแตกต่างกันไป







ได้แก่ "พนมกรอล" แปลว่า "เขาคอก" มีความสูงประมาณ 150 เมตร "พนมเปร๊า แปลว่า "เขาชาย" มีความสูงประมาณ 220 เมตร "พนมสรัย" แปลว่า "เขาหญิง" มีความสูงประมาณ 210 เมตร รวมกันทั้ง 3 ลูก มีชื่อว่า เขาพนมสวาย ความจริงคือ พนมสวายคือ ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว จึงมีลานหินกระจายทั่วไป หลังจากเสร็จสิ้นจากการเยี่ยมชมวนอุทยานแห่งชาติพนมสวาย เวลา 10.30 น.ททท.สำนักงานสุรินทร์ ได้นำคณะคาราวานอีซูซุ เดินทางต่อไปยังศูนย์เรียนรู้วิถีชุมชนคนกับไหม ณ กลุ่มทอผ้าไหมทอง บ้านกระทม เพื่อชมการทอผ้าไหมและชมพิพิธภัณฑ์ชุมชนที่บอกเรื่องราวการทอผ้าไหม ตั้งแต่บรรพบุรุษ







จนถึงปัจจุบัน สำหรับ กลุ่มทอผ้าไหมทอง บ้านกระทม หรืออีกชื่อที่คนในจังหวัดสุรินทร์เรียนกันติดปากคือ เรือนไหมทอง สะเร็น สำหรับ เรือนไหมทอง สะเร็น ถือกำเนิดเมื่อ ปี พ.ศ. 2530 โดยการสืบทอดธุรกิจการค้าเส้นไหมของครอบครัว ซึ่งดำเนินกิจการต่อเนื่องมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2468 พัฒนาสู่ธุรกิจด้านหม่อนและไหมครบวงจรโดยได้ทำความร่วมมือกับนิคมสร้างตนเองเลี้ยงไหม จังหวัดสุรินทร์ ในพระบรมราชานุเคราะห์ ในการจัดตั้งโรงงานสาวเส้นไหมทอง และฟื้นฟูอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงผ่านความร่วมมือของเครือข่ายผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทั้งนี้เรือนไหมทอง สะเร็น ยังให้บริการขึ้นเส้นยืนหัว






ม้วนไหมให้แก่เครือข่ายผู้ทอผ้าไหมจังหวัดสุรินทร์รวมไปถึงจังหวัดข้างเคียง ปัจจุบันเรือนไหมทอง สะเร็นร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนทอผ้าไหมทองบ้านกระทมในการจัดตั้งศูนย์วิถีชีวิตคนกับไหม เพื่อจัดแสดงอุปกรณ์การทอผ้าไหมของชาติพันธุ์เขมรสุรินทร์ ผ้าไหมแบบเขมรสุรินทร์โบราณและโรงเรียนสอนการฟอกย้อมสีและการทอผ้าไหม เรือนไหมทอง สะเร็น ดำเนินธุรกิจภายใต้ค่านิยม 3 ประการ คือ
Community คือการนำความรู้ในท้องถิ่นมาผสานกับนวัตกรรมสมัยใหม่มาออกแบบและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์โดยเน้นการใช้วัตถุดิบและแนวคิดจากท้องถิ่นมาพัฒนาและต่อยอด ใช้ชุมชนเป็นฐานการผลิตเพื่อการสร้างงานและรายได้ในชุมชน


Heritage คือการรักษาและรวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับการปลูกหม่อนและเลี้ยงไหม การผลิตเส้นไหมและกระบวนการฟอกย้อมสีเส้นไหมทั้งแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่รักษาลวดลายดั้งเดิมของท้องถิ่นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่โดยใช้การพัฒนาจากลวดลายดั้งเดิมของท้องถิ่นให้มีความร่วมสมัย
Sharing คือมีความเป็นมิตรและพร้อมที่จะแบ่งปันข้อมูลและองค์ความรู้เกี่ยวหม่อน ไหม การผลิตเส้นไหมและการทอผ้าไหม แก่ผู้ที่สนใจ มีความเป็นมิตรและพร้อมที่จะให้บริการแก่ลูกค้า มุ่งพัฒนากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม






เสร็จสิ้นจากการเยี่ยมชม เวลา 13.00 น.ททท.สำนักงานสุรินทร์ ได้นำคณะคาราวานอีซูซุ เดินทางต่อไปยังโรงเรียนชาวนา ณ ศูนย์การเรียนรู้การเกษตรในพระราชดำริซแรย์อทิตยา สำหรับคำว่าซแรย์ในภาษาเขมรแปลว่านา ภายในโครงการซแรย์อทิตยามีการทำเกษตรในเนื้อที่ 300 กว่าไร่ ซึ่งพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณทรงเป็นผู้ริเริ่มตามรอยพระราชดำริ เกษตรพอเพียง แบบยั่งยืนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งตั้งอยู่ที่ 911 หมู่ 9 อ่างเก็บน้ำอำปึล ต.เทนมีย์ อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ ภาย






โรงเรียนชาวนา ประกอบด้วยฐานเรียนรู้ 5 ฐาน ที่เกี่ยวข้องกับการทำนา อธิ เรื่องดิน,แมลงศัสตรูพืช,ข้าวสายพันธ์ต่างๆ,การแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าว,น้ำ โดยมีเจ้าหน้าที่วิทยากรจากโครงการมาบรรยายให้คณะคาราวานอีซูซุ ได้รับฟัง หลังเสร็จสิ้นจากการเยี่ยมชม เวลา 15.00 น.ททท.สำนักงานสุรินทร์ ได้นำคณะคาราวานอีซูซุ เดินทางต่อไปยังวัดไพรพัฒนา หรือวัดหลวงปู่สรวง เพื่อกราบสักการะเพื่อความเป็นศิริมงคล สำหรับวัดไพรพัฒนา ตั้งอยู่ที่ 111 หมู่ 10 ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เดิมสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พำนักของหลวงปู่สรวง นักบุญแห่งดินแดนอีสานใต้ พระผู้บำเพ็ญเพียรตามแนว






เขตชายแดนไทย-กัมพูชา มีเมตตาบารมีชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก จนเป็นที่รักและศรัทธาของผู้คน รวมไปถึงลูกศิษย์ลูกหาทั่วไป จนเป็นที่เรียกขานกันว่า “เทวดา เดินดิน” ภายหลังจากที่หลวงปู่ละสังขารเมื่อปี 2542 สรีระสังขารของหลวงปู่ไม่เปื่อยไม่เนา จนลูกศิษย์ได้นำไปบรรจุไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหาและนักท่อนักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้ขอพรและลอดใต้โลงแก้วเพื่อความเป็นสิริมงคล  วัดไพรพัฒนาถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ ในช่วง





เทศกาลจะมีผู้คนหลั่งไหลมากราบขอพรเป็นจำนวนมากจนรถติดยาวเป็นกิโล หลังเสร็จสิ้นจากการกราบสักการะขอพร ททท.สำนักงานสุรินทร์ ได้นำคณะคาราวานอีซูซุ เดินทางเข้าที่พักโรงแรมลักษ์ลดา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และในเวลา 19.00 น ททท.สำนักงานสุรินทร์ จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่คณะคาราวานอีซูซุ