จำนวนผู้เข้าชมวันนี้

วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2562

ททท. สำนักงานสุรินทร์ ร่วมให้การต้อนรับคณะนักการทูต 15 ประเทศที่เดินทางมาศึกษาดูงานใน 4 จังหวัดอีสานใต้ และเข้าร่วมโครงการนุ่งผ้าไหม ใส่ประเกือม เยือนวิถีถิ่น จังหวัดสุรินทร์

นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ มอบหมายให้ นายกฤษณุ เหลืองพิบูลกิจ นายอำเภอเมืองสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดสุรินทร์ และนางสาวธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานสุรินทร์ นายวิมล เร่งศึก ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ ต้อนรับคณะนักการทูตระดับกลางจำนวน. 15 ประเทศ และคณะสื่อมวลชน โดยสถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการ กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดอบรมหลักสูตร “Knowledge of Diplomacy: Sustainable Development and the Sufficiency Economy” ประจำปี ๒๕๖๒


สำหรับนักการทูตระดับกลางที่มีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 5 ปี จากประเทศกลุ่มเป้าหมายใน 3 ภูมิภาค ได้แก่ กลุ่มประเทศแอฟริกา เอเชีย-แปซิฟิก และลาตินอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีบทบาท ด้านความร่วมมือเพื่อพัฒนากับไทย  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะและสร้างเครือข่ายสำหรับผู้ที่ปฏิบัติงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาประเทศไทยในมิติต่างๆ และได้ประสานงานมายัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ ในการจัด






กิจกรรมต้อนรับในพื้นที่นั้น  ในการนี้ ททท. สำนักงานสุรินทร์ จึงกำหนดนำคณะสื่อมวลชนและคณะนักการทูตทั้ง 15 ประเทศ ของสถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการ กระทรวงการต่างประเทศ ไปเยี่ยมชมและสำรวจแหล่งท่องเที่ยวต่างๆของจังหวัดสุรินทร์ วันที่ 28 กุมภาพันธุ์ 2562 เวลา 8.00 - 9.30 น.ททท.สำนักงานสุรินทร์ นำคณะสื่อมวลชนและคณะนักการทูตทั้ง 15 ประเทศชมโครงการคชอาณาจักร อ.ท่าตูม เป็นสถานที่แรกของหมายกำหนดการ ผู้อำนวยการโครงการคชอาณาจักรเดินทางมา






ให้การต้อนรับและมอบภาพวาดจากช้างเป็นของที่ระลึกแก่คณะเดินทาง รับฟังการบรรยายโครงการคชอาณาจักร ชมวิธีการนำขี้ช้างมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์รวมไปถึงให้คณะนักการทูตทั้ง 15 ประเทศได้ลงมือทำผลิตภัณฑ์กระดาษสาจากขี้ช้าง เวลา 10.30 - 11.30 น.  ททท.สำนักงานสุรินทร์ นำคณะสื่อมวลชนและคณะนักการทูตทั้ง 15 ประเทศ เดินทางต่อไปยัง"หมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่าง" สำหรับบ้านท่าสว่าง หมู่ที่ 1 ต.ท่าสว่าง อ.สุรินทร์ จ.สุรินทร์ เป็นหนึ่งหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวของ






จังหวัดสุรินทร์ บ้านท่าสว่างเดิมชื่อบ้านเตรี๊ยะ เป็นภาษาพื้นบ้าน (เขมร) คำว่าเตรี๊ยะ เป็นชื่อพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่ง ภาษาไทยว่าต้นชาด บรรพบุรุษของชาวบ้านเตรี๊ยะ ได้อพยพมาจากบ้านระเภาร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ห่างจากบ้านเตรี๊ยะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร ในปี พ.ศ. 2485 ได้รวมหมู่บ้านเตรี๊ยะกับหมู่บ้านอื่นๆ เป็นตำบลท่าสว่าง และบ้านเตรี๊ยะ ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นบ้านท่าสว่างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อ"ผ้าไหมยกทอง จัทรโสมา" เวลา 12.00 - 13.00 คณะสื่อมวลชนและคณะ






นักการทูตทั้ง 15 ประเทศพักรับประทานอาหาร เวลา 13.30 - 15.00 น.ททท.สำนักงานสุรินทร์ นำคณะสื่อมวลชนและคณะนักการทูตทั้ง 15 ประเทศเดินทางไปเยี่ยมชมโครงการซแรย์อทิตยา ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์  สำหรับศูนย์เรียนรู้การเกษตรอินทรีย์อทิตยาทร เป็นโครงการในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ  ที่นี่มีการจัดแบ่งเป็นนิทรรศการฐานการเรียนรู้ ทั้ง 6 ฐาน ได้แก่


ฐานการเรียนรู้ที่ 1 ความรู้เรื่องข้าวประเพณีวัฒนธรรมและการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว
ฐานการเรียนรู้ที่ 2 ทรัพยากรดิน การรักษาดินและการฟื้นฟูดิน ด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น การปลูกต้นปอเทือง
ฐานการเรียนรู้ที่ 3 ระบบนิเวศน์แปลงนาการป้องกันกำจัดโรคด้วยพืชสมุนไพร ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น และประโยชน์ของแมลงศัตรูข้าวตามความสมดุลย์ของระบบนิเวศน์
ฐานการเรียนรู้ที่ 4 การเก็บเกี่ยวและการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ โดยเฉพาะการปลูกข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 อย่างมีประสิทธิภาพ
ฐานการเรียนรู้ที่ 5 กระบวนการผลิตปุ๋ยอินทรีย์
ฐานการเรียนรู้ที่ 6 การแปรรูปข้าว เพิ่มคุณค่าสารอาหาร และเพิ่มมูลค่าเศรษฐศาสตร์สำหรับชาวนาไทย






ในเวลา 16.00 - 17.00 น.ททท.สำนักงานสุรินทร์ นำคณะสื่อมวลชนและคณะนักการทูตทั้ง 15 ประเทศเดินทางต่อไปยังด่านชายแดนช่องจอม การค้า การท่องเที่ยว ภารกิจของด่านตรวจคนเข้าเมือง เวลา 17.00 - 18.00 น.เดินทางเข้าสู่ที่พัก ภาระกิจในช่วงเช้าของวันที่ 1 มีนาคม 2562 เวลา 8.00 - 10.00 น.ททท.สำนักงานสุรินทร์ นำคณะสื่อมวลชนและคณะนักการทูตทั้ง 15 ประเทศ ไปเยี่ยมชมวิถีชุมชน อาหารถิ่น ข้าวหอมศีขรภูมิ เรียนรู้การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน และรับฟังการบรรยายประวัติความ






เป็นมาของปราสาทศีขรภูมิ โดยผู้เชียวชาญประวัติศาสตร์จากกรมศิลปากร เวลา 11.00 น.คณะสื่อมวลชนและคณะนักการทูตทั้ง 15 ประเทศ ได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดต่อไป