จำนวนผู้เข้าชมวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2561

สำนักงานปศุสัตว์อำเภอเมืองตาก เร่งสำรวจโรคแบลคเลก หรือ " โรคไข้ขา ที่เกิดในโค-กระบือ

วันที่ 6 กันยายน 2561 ผู้สื่อข่าว ได้รับการประสานงานจากนายถนอมศักดิ์ ตั้งวชิรฉัตร นายสัตวแพทย์ ปศุสัตว์อำเภอเมืองตาก ว่าโรคแบลคเลก หรือ " โรคไข้ขา " ที่เกิด มาตั้งแต่ ปลายเดือนสิงหาคม 2561 นั้นโดยเมื่อ วันที่28 สิงหาคม 2561 สำนักงานปศุสัตว์อำเภอเมืองตาก ได้รับแจ้งจากกำนันตำบลโป่งแดง  สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดตาก และสำนักงานปศุสัตว์อำเภอเมืองตาก ได้ไปสอบสวนโรค พบสัตว์ที่ตายมีอาการคล้ายโรคแบลคเลก จึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อ และได้ ทำการรักษาสัตว์ป่วย ได้เรียก


ประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาปศุสัตว์ เกษตรกรเลี้ยงโคในพื้นที่ ระดมฉีดวัคซีนป้องกันโรคแบลคเลค และรักษาโคป่วย ส่วนตัวที่ตายได้ฝัง และเผาทำลาย มีการตั้งจุดตรวจการเคลื่อนย้ายสัตว์ในตำบลโป่งแดง 5 จุด ห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ ออกนอกตำบลเพื่อควบคุมโรคไม่ให้ระบาด โรคแบลคเลก(Blackleg)เป็นโรคติดต่อร้ายแรงของโค-กระบือ ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ การอักเสบของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณต้นขาหลัง บริเวณที่อักเสบจะบวมร้อน มีอาการแทรกอยู่ภายใน เมื่อกดดูจะมีเสียงดังกรอบแกรบ ไข้สูง และเดินขากะเผลก จึงเรียกโรคนี้ว่า "โรคไข้ขา"สาเหตุและการแพร่กระจายเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย


ชื่อ คลอสตริเดียม โชวิไอ (Clostridium chouvei)โคที่เป็นโรคนี้ส่วนมากเกิดจากการกินอาหารที่มีเชื้อปะปนอยู่ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะไปอยู่ตามบริเวณที่มีกล้ามเนื้อหนาๆ เช่น กล้ามเนื้อสะโพก ขา ไหล่ หน้าอก คอหรือลิ้น เป็นต้น แล้วจะขยายตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้น พร้อมกับสร้างสารพิษออกมาทำลายกล้ามเนื้อรอบๆ บริเวณที่เชื้ออยู่ และสารพิษส่วนหนึ่งจะเข้าสู่กระแสโลหิต นอกจากการกินอาหารที่มีเชื้อปะปนแล้วโคอาจเป็นโรคได้ เนื่องจากเชื้อเข้าทางบาดแผลแต่ก็พบน้อย โรคนี้มักเกิดกับโคที่มีอายุระหว่าง 6-24 เดือน เป็นส่วนมาก และมักเกิดซ้ำในจุดที่เคยเกิดโรคอยู่เสมอ อาการโคจะซึม เดินขากะเผลกข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง มีไข้สูง 105 -107 องศาฟาเรนไฮท์ หยุดเคี้ยวเอื้อง หายใจเร็ว เกิดการ


บวมของกล้ามเนื้อบริเวณสะโพก โคนขาหลัง ไหล่ หน้าอก คอ หรือลิ้น เมื่อกดบริเวณที่บวมจะได้ยินเสียงดังกรอบแกรบ เพราะมีฟองอากาศแทรกอยู่ภายในและโคจะแสดงอาการเจ็บปวด ผิวหนังบริเวณนี้จะมีสีแดงคล้ำ ร้อน ต่อมาจะเย็นลง ผิวหนังจะแห้งดำและโคไม่แสดงอาการเจ็บปวด โคบางตัวจะล้มลงนอน กล้ามเนื้อสั่น ชีพจรเต้นเร็ว เยื่อเมือกมีเลือดคั่ง ปวดเสียดท้อง อุณหภูมิต่ำกว่าปกติและตายภายใน 12-48 ชั่วโมง เมื่อเปิดผ่าบริเวณที่บวมจะพบของเหลวสีดำคล้ำมีกลิ่นเหม็น มีฟองอากาศแทรกอยู่ตามกล้ามเนื้อ และกล้ามเนื้อบริเวณรอบๆ จะมีสีดำและแดงการตรวจวินิจฉัยและการเก็บตัวอย่างการตรวจวินิจฉัยโรคนี้สามารถกระทำได้ง่าย โดยการศึกษาประวัติ อาการและวิการ พร้อมกับตรวจหาเชื้อจากของเหลวสีดำคล้ำที่บริเวณกล้ามเนื้ออักเสบ โดยการย้อมด้วยสีแกรม (Gram) จะพบเชื้อรูปร่างเป็นแท่งปลายมนติดสีน้ำเงิน (Gram positive rod) หรือถ้าสัตว์ตายและซากยังไม่เน่าก็สามารถตรวจหาเชื้อได้


จากกล้ามเนื้อบริเวณที่อักเสบ และอาจตรวจพบได้จากเลือดในหัวใจ ตับ ม้าม เพราะก่อนสัตว์ตายเล็กน้อยเชื้อจากกล้ามเนื้อจะแพร่กระจายไปตามกระแสเลือด ไปยังอวัยวะดังกล่าว แต่ถ้าซากสัตว์เน่าการตรวจหาเชื้อจากกล้ามเนื้อและอวัยวะจะพบได้ยาก เพราะมีเชื้อ Clostridium ตัวอื่นๆ มาปะปนอยู่ จะตรวจพบเชื้อได้ก็โดยต้องตรวจหาเชื้อจากไขกระดูก ข้อสำคัญในการวินิจฉัยโรคนี้คือ จะต้องวินิจฉัยให้ได้ว่าสัตว์เป็นโรคแบลคเลกจริงซึ่งเกิดจากเชื้อ คลอสตริเดียม โชวิไอ (Clostridium chouvei) หรือเป็นโรคแบลคเลกเทียมที่เกิดจากเชื้อคลอสตริเดียม เซบติกัม (Clostridium septicum) ดังนั้นจึงควรเก็บตัวอย่าง เช่น ของเหลวสีดำคล้ำ กล้ามเนื้อที่อักเสบ เลือดในหัวใจ ตับม้าม แช่เย็นแล้วนำส่งห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาสาเหตุของโรคการรักษา การรักษาจะได้ผลดีเมื่อทำการรักษาตั้งแต่สัตว์เริ่มแสดงอาการโกย


ฉีดยาเพนนิซิลลิน (Penicillin) เข้ากล้ามเนื้อบริเวณที่เกิดการอักเสบ หรือใช้อ๊อกซีเตตราไซคลิน (Oxytetracycline) หรือคลอเตตราไซคลิน (Chlortetracycline) ก็ได้ผลดีเช่นเดียวกัน การควบคุมและป้องกัน กรณีที่มีโรคระบาดเกิดขึ้น จะต้องแยกสัตว์ป่วยออกจากฝูงพร้อมทั้งให้การรักษาสัตว์ตายจะต้องฝังหรือเผา และสัตว์ที่เหลือภายในฝูงต้องทำวัคซีนควบคู่กับการฉีด Penicillin ในขนาด 6,000 ยูนิต ต่อน้ำหนักตัวสัตว์หนึ่งกิโลกรัม จุดที่เกิดโรคไม่ควรนำสัตว์เข้าไปเลี้ยงในบริเวณนั้นอีกจนกว่าสัตว์จะมีภูมิต้านทาน คือ 21 วันหลังการทำวัคซีน การทำวัคซีนในโคฉีดวัคซีนเข้าใต้ผิวหนัง ตัวละ 5 ซี.ซี. สามารถคุ้มโรคได้นาน 6 เดือน แต่ถ้าทำวัคซีนในลูกโคอายุน้อยกว่า 6 เดือน จะต้องทำซ้ำอีกครั้ง เมื่อลูกโคอายุได้ 6 เดือน และต้องห่างจากครั้งแรกไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือน


คำแนะนำ
1. ในพื้นที่ที่เกิดโรค ไม่ควรนำสัตว์เข้าไปเลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์ที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี ซึ่งจะเกิดโรคได้ง่ายกว่าสัตว์อายุอื่น และโรคนี้สามารถติดต่อจากเชื้อที่มีอยู่ในดินบริเวณนั้น
2. สัตว์ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรฉีดยารักษา
3. ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ขาให้แก่สัตว์รอบพื้นที่ที่เกิดโรค


วัคซีนแบลคเลกของกรมปศุสัตว์ที่ผลิตโดยสำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์ วัคซีนแบลคเลก เป็นวัคซีนแบคทีเรียเชื้อตายชนิดตกตะกอนด้วย Potash alum ผลิตจากเชื้อ Clostridium chauvoei สเตรนท้องถิ่น ฆ่าเชื้อด้วยฟอร์มาลิน วัคซีนมีลักษณะเป็นการแขวนลอย สรรพคุณ ใช้ฉีดป้องกันโรคแบลคเลกในโค กระบือ แพะ และแกะ ส่วนประกอบ วัคซีน 1 โด๊ส ประกอบด้วยเชื้อ Clostridium chauvoei สเตรนท้องถิ่น จำนวนไม่น้อยกว่า 0.26% PCV


วิธีการใช้ ใช้ฉีดสัตว์ อายุ 4-6 เดือนขึ้นไป และฉีดซ้ำทุก 6 เดือน ในกรณีที่ต้องฉีดวัคซีนก่อนอายุ 4 เดือน ให้ฉีดวัคซีนซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เมื่ออายุได้ 6 เดือน ในท้องที่ที่เคยมีโรคนี้ระบาดอยู่ ห้ามฉีดในลูกสัตว์ที่มีอายุน้อยกว่า 4 เดือน ก่อนใช้ต้องเขย่าขวดให้วัคซีนเข้ากันดีทุกครั้ง ขนาดฉีด เข้าใต้ผิวหนัง โค กระบือ ตัวละ 5 มิลลิลิตร (ซีซี.) แพะ แกะ ตัวละ 2.5 มิลลิลิตร (ซีซี.)ความคุ้มโรค สัตว์จะมีความคุ้มโรคหลังจากฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 21 วัน และจะมีความคุ้มโรคอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน การเก็บรักษา เก็บในอุณหภูมิ 4-6๐องศาเซลเซียส หรือเก็บที่อุณหภูมิห้อง ห้ามเก็บในช่องแช่แข็ง ขนาดบรรจุ ขวดละ 100 มิลลิลิตร (ซีซี.) ข้อควรระวัง


1. โรคที่มีอาการคล้ายกับโรคแบลคเลกมาก คือ โรคแบลคเลกเทียม หรือ โรคแก๊สแกง กรีน ซึ่งเกิดจากเชื้อ Clostridium septicum และโรคนี้อาจจะเกิดร่วมกับโรคแบลคเลกก็ได้สัตวแพทย์จึงควรวินิจฉัยให้แน่ชัดว่าสัตว์เป็นโรคชนิดใดเพราะวัคซีนชนิดนี้ไม่สามารถให้ความคุ้มโรคแบลคเลกเทียม
.
2. หลังจากฉีดวัคซีนควรกักสัตว์ไว้ในที่ร่มและเฝ้าดูอาการประมาณ 1 ชั่วโมง หากสัตว์แสดงอาการแพ้วัคซีน แก้ไขโดยฉีดแอดรีนาลีน 1 : 1000 เข้ากล้ามเนื้อ 0.5-1 มิลลิลิตร (ซีซี.) ต่อน้ำหนัก 50 กิโลกรัม (0.5-1 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 50 กิโลกรัม) หรืออาจฉีดควบกับแอนติฮีสตามีน 0.5-1 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม เคยเกิดโรค ระบาด ชนิดนี้ มาก่อน ตั้งแต่ปี 2528 และ ได้หวน กลับ มาเกิด โรคระบาด ชนิดนี้ ซ้ำขึ้นอีก โดยขณะนี้ ได้มีประกาศจังหวัดตากชั่วคราว ให้ตำบลโป่งแดง เป็นเขตควบคุม โรคระบาดโรคไข้ขาชนิดนี้แล้วตามประกาศจังหวัดตากลงวันที่ 31 สิงหาคม 2561
.
CR.ข่าว/สมภพ ทีมข่าวตาก-แม่สอด รายงาน