ประมาณปี พ.ศ. 8 โดยกลุ่มคนที่จะเดินทางไปร่วมสร้างพระธาตุพนม แต่ไปไม่ทัน องค์พระธาตุพนมสร้างเสร็จก่อน จึงร่วมกันสร้างพระพุทธไสยาสน์องค์นี้เมื่อปี พ.ศ. 2484 พระคุณเจ้าสมเด็จพระมหาวีระวงศ์ได้ขึ้นไปตรวจสังฆมณฑลภาคอีสาน และแวะจำวัดในเมืองสหัสขันธ์ ซึ่งอยู่ห่างจากภูค่าวไปทางตะวันตกราว 8 กิโลเมตร ในครั้งนั้นท่านได้ไปนมัสการพระพุทธไสยาสน์ที่เพิงผานี้ด้วย เมื่อเสร็จสังฆกิจเสด็จกลับกรุงเทพฯ จึงบัญชาให้อธิบดีกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นปูชนียวัตถุโบราณแห่งแรกในจังหวัดกาฬสินธุ์
ภายในวัดยังมี “พระอุโบสถไม้” เป็นพระอุโบสถแบบเปิด สร้างจากไม้ใต้เขื่อนลำปาว เป็นอาคารไม้ทรงไทย ตั้งบนฐานลวดบัวปูนปั้น หลังคาจั่วซ้อนกันสามชั้น มีชายคาปีกนกทั้งสี่ด้าน รอบพระอุโบสถแกะสลักลวดลายงดงามเป็นภาพสามมิติและภาพนูนต่ำเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ ทศชาติชาดก และพระเวสสันดรชาดก ภายในพระอุโบสถไม้ประดิษฐาน "พระมงคลชัยสิทธิ์โรจนฤทธิประสิทธิพร" เป็นพระ
ประธานปางตรัสรู้หรือปางสมาธิสีทองสุกอร่าม โดมเพดานเหนือองค์พระตกแต่งด้วยประติมากรรมไม้แกะสลักนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ ทาสีทอง นอกจากนี้ยังมี “วิหารสังฆนิมิต” ซึ่งเป็นที่เก็บพระพุทธรูปและพระเครื่องรุ่นต่าง ๆ ที่หายาก สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของวัดนี้คือ “พระมหาธาตุเจดีย์พุทธนิมิต” เป็น
เจดีย์ยอดทองคำหนัก 30 กิโลกรัม ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจาก ๕ ประเทศ ได้แก่ ไทย อินเดีย ศรีลังกา เนปาล และพม่า รวมทั้งพระอรหันตธาตุ พระพุทธนิมิตเหล็กไหล และพระพุทธรูปหินทรายอีกเป็นจำนวนมาก หลังจากได้ได้เที่ยวชมเสร็จสิ้น ททท.ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้นำคณะสื่อมวลชนเดินทางกลับ
.
มิสเตอร์ที