สำหรับประวัติความเป็นมาของ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์สิรินธร เมื่อปี พ.ศ. 2513 พระครูวิจิตรสหัสคุณ เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน ได้พบกระดูกชิ้นใหญ่ในบริเวณวัดและได้นำมาเก็บรักษาไว้จนปี พ.ศ. 2521 นายวราวุธ สุธีธร นักธรณีวิทยาและคณะกรมทรัพยากรธรณีได้เดินทางมาสำรวจบริเวณนี้ และพบว่ากระดูกดังกล่าวเป็นซากฟอสซิลไดโนเสาร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2523 คณะสำรวจธรณีวิทยาไทย-ฝรั่งเศสได้นำกระดูกเหล่านั้นไปศึกษา พบว่าเป็นส่วนกระดูกขาหน้าของไดโนเสาร์ซอโรพอด (Sauropod) จนกระทั่งปี พ.ศ. 2537
และส่วนหัวหลุดกระจายออกไป จากการค้นพบครั้งสำคัญในเวลานั้น กรมทรัพยากรธรณีได้ก่อสร้างอาคารครอบแหล่งขุดค้นไว้ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้และแหล่งข้อมูลทางวิชาการด้านบรรพชีวินวิทยาของไทย และได้นำไปสู่การสร้างพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าวจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2549 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานนาม “สิรินธร” เป็นชื่อพิพิธภัณฑ์ และเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2549 พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าวจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น
“พิพิธภัณฑ์สิรินธร” และเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2551 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์สิรินธร แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 8 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 กำเนิดโลกและจักรวาล โซนที่ 2 กำเนิดสิ่งมีชีวิต โซนที่ 3 มหายุคพาลีโอโซอิก (วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตโบราณ) โซนที่ 4 มหายุคมีโซ
โซอิก (โลกแห่งสัตว์เลื้อยคลานและไดโนเสาร์) แบ่งโซนย่อยจัดแสดงเรื่องราวไดโนเสาร์ไทย โซนที่ 5 วิถีชีวิตไดโนเสาร์ โซนที่ 6 ปริศนาการสูญพันธุ์และคืนชีวิตให้ไดโนเสาร์ โซนที่ 7 มหายุคซีโนโซอิก (มหายุคแห่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม) และโซนที่ 8 เรื่องราวของมนุษย์ นอกจากนี้ยังสามารถชมหลุมขุดค้นซึ่งมีซากฟอสซิลจริงที่ขุดค้นพบเป็นครั้งแรกในบริเวณภูกุ้มข้าวได้อีกด้วย
.
มิสเตอร์ที