จำนวนผู้เข้าชมวันนี้

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2564

ตำรวจนครบาล รายงานผลการจับกุมยาเสพติดฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน และมั่วสุมในที่แออัด


พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 และ พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าว กรณีที่น่าสนใจ คดีที่1 สน.ลุมพินี และ สตม. ร่วมจับกุม ชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมกันมั่วสุมในสถานที่แออัดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 

วันที่ 16 ม.ค.63 เวลาประมาณ 01.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม.จับกุมคนไทยและต่างชาติ ซึ่งรวมกลุ่มมั่วสุมนั่งรับประทานอาหาร ภายในร้านทัช คาเฟ่ เรสเตอรองค์ (Taj Cafa Restaurant) ที่อยู่ เลขที่ 1/26-27 ซ.สุขุมวิท 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ได้ผู้ต้องหา จำนวน 85 คน ประกอบด้วย คนไทย 42 คน และคนต่างชาติ 43 

คน โดยมีรายละเอียด ดังนี้ - ชาวต่างชาติจำนวน 1 ราย คือ นายมันดีฟ ซิงห์ อายุ 28 ปี สัญชาติอินเดีย โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรชั่วคราว ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน , ฝ่าฝืนข้อกำหนด ตามความมาตรา 9 พรก.ฉุกเฉินฯ ,ฝ่าฝืนประกาศ กทม.เรื่องสั่งปิดสถานบริการชั่วคราว (ฉบับ 15) ,ฝ่าฝืนคำสั่ง คกก.คุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558. ห้ามขายหรือห้ามให้บริการ สินค้าบารากู่ ออกตามความในมาตรา 36 พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค”


- หญิงชาวไทยจำนวน 42 ราย ในข้อหา “ร่วมกันมั่วสุม ณ ที่ใดในสถานที่แออัด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พรก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548”
- ชาวต่างชาติจำนวน 21 รายในข้อหา “ร่วมกันมั่วสุม ณ ที่ใดในสถานที่แออัด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พรก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 , เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
- ชาวต่างชาติจำนวน 2 ราย ในข้อหา “ร่วมกันมั่วสุม ณ ที่ใดในสถานที่แออัด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พรก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 , เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยอนุญาตสิ้นสุด”


- ชาวต่างชาติ จำนวน 19 ราย “ร่วมกันมั่วสุม ณ ที่ใดในสถานที่แออัด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พรก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 , เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ,เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต”รวมทั้งหมด 85 ราย นำส่ง พงส. สน.ลุมพินี ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป คดีที่ 2 กรณีความคืบหน้า 

การดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องกับเหตุผู้เสียชีวิตจากการเสพยาเสพติด พื้นที่ สน.วัดพระยาไกร  1. สน.สุทธิสาร สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ม.ค.64 เวลาประมาณ 02.20 น. เจ้าพนักงานตำรวจ สน.สุทธิสาร ได้รับแจ้งเหตุหญิงเสียชีวิตชื่อ น.ส.ลลิตาฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้เสพยาเสพติดอยู่บริเวณร้านฟลูไทม์ ย่านพระราม 3 

และทราบว่า น.ส.ลลิตาฯ ก่อนเสียชีวิตได้สั่งซื้อยาเสพติด มาจาก นายปรมัตถ์ฯ จึงได้ทำการสืบสวนมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันที่ 15 ม.ค.64 เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนทราบว่านายปรมัตถ์ฯ มาส่งที่บริเวณภายในซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 7 ซอยอยู่ดี 5 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.30 น. 


พบนายปรมัตถ์ฯ จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับแจ้งเหตุแห่งความสงสัยขอตรวจค้น ผลการตรวจค้นปรากฏพบของกลาง วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทในประเภท 2 (คีตามีนหรือเคนมผงหรือเคเกล็ดหรือเคทะเลทราย) ชนิดผงบรรจุในถุงพลาสติกใสชนิดเปิด-ปิดได้ จำนวน 1 ถุง น้ำหนักชั่งรวมถุงประมาณ 0.65 กรัม และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง สอบถามแล้วนายปรมัตถ์ฯ รับว่ายาเสพติดที่เจ้าพนักงานตำรวจตรวจยึดเป็นของตนเองจริง จึงได้แจ้งสิทธิ์ตามกฎหมายและแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบจากการสอบปากคำนายปรมัตถ์ รับว่าเมื่อวันที่ 10 ม.ค.64 เวลาประมาณ 02.30-02.50 น.  ตนได้ขับรถจักยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีดำ ทะเบียน มลก 554 กทม. 

นำยาเสพติด จำนวน 1 ถุง นำไปจำหน่ายให้กับ น.ส.ลลิตาฯ ที่บริเวณหน้าร้านฟลูไทม์ ซอยสุดประเสริฐ ซอย 9 จริง และรับว่ายาเสพติดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึด เป็นยาชนิดเดียวกันกับที่จำหน่ายให้กับแต๋มจริง เจ้าพนักงานตำรวจจึงแจ้งสิทธิ์ แจ้งข้อกล่าวหา ให้ทราบว่า “มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” จึงได้ควบคุมตัว พร้อมตรวจยึดของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ท้องที่เกิดเหตุดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป


2. ที่ สน.พหลโยธิน วันนี้ (15 ม.ค.64) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ด้วยจากการสืบสวนต่อเนื่องจากเหตุรับแจ้่งพบศพ น.ส.พาณิภัคฯ ซึ่งจากการตรวจสถานที่เกิดเหตุพบถุงพลาสติกภายในบรรจุยาเสพติดเคตามีน นั้นจากการสืบสวนได้ข้อเท็จจริงว่า ก่อนเกิดเหตุนายทัชชัยฯ  แฟนของ น.ส.พาณิภัคฯ 

ได้สั่งซื้อยาดังกล่าวจาก น.ส.กุลนทีฯ น้ำหนักประมาณ 5 กรัม ราคา 2,700 บาท ส่งของกันที่บริเวณลานจอดรถ ซ.รัชดาภิเษก 36 (ซอยเสือใหญ่อุทิศ) พื้นที่ สน.พหลโยธิน โดยมีหลักฐานการโอนเงินจากบัญชีธนาคารของนายทัชชัย เข้าบัญชีของ น.ส.พาณิภัคฯ จากนั้นนายทัชชัย และ น.ส.พาณิภัคฯ ได้ไปร่วมเสพยาเสพติด จนเป็นเหตุให้ น.ส.พาณิภัค เสียชีวิต 


และ นายทัชชัยฯ ต้องเข้ารับการรักษาตัว ในเวลาต่อมาน.ส.กุลนทีฯ ได้เดินทางมายัง สน.พหลโยธิน พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหาให้ทราบว่า “มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และขายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต” พนักงานสอบสวนได้นำตัว น.ส.กุลนที ไปยังศาลอาญาเพื่อยื่นคำร้องขอหมายขัง ศาลอนุญาตตามขอ ได้ออกหมายขังมีกำหนด 12 วัน และจะได้ทำการสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


คดีที่ 3กรณีผู้ชุมนุมทำกิจกรรมบริเวณเกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วันเสาร์ที่ 16 ม.ค.64 เมื่อเวลา 11.00น.กลุ่มการ์ดปลดแอกนัดรวมตัวกันทำกิจกรรมร่วมกันเขียนป้ายผ้ายาว 112 เมตรเพื่อบอกเล่าความในใจกับความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาลต่อมาในเวลา 12.15 น.จนท.ตำรวจเริ่มประกาศแจ้งเตือน พรก.ฉุกเฉินและจับกุมผู้ไม่เชื่อฟังพร้อมยึด

ป้ายผ้าโดยจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 คนดังนี้ 1. นาย ใบบุญฯ อายุ 20 ปี 2. นายภาณุพงษ์ฯ อายุ 20 ปี ในข้อหา “ร่วมกันมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ในพื้นที่ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศหรือมีคำสั่งให้เป็นพื้นที่ควบคุม 


อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” นำส่ง ตชด.ภาค 1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป บช.น. ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ถึงแม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดอย่างเคร่งครัด  พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดโปรดแจ้งสายด่วน ๑๙๑หรือสถานีตำรวจท้องที่