จำนวนผู้เข้าชมวันนี้

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

โครงการนำร่องเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศก้าวเข้าสู่ S-Curve 11

สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ หรือ สทป. มีภารกิจหลักในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศรวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้เข้มแข็ง เพื่อการพึ่งพาตนเองด้านความมั่นคงของชาติอย่างยั่งยืนภายใต้พระราชบัญญัติเทคโนโลยีป้องกันประเทศ พ.ศ. 2562


เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (Defence Industry) ในประเทศ และประสานความร่วมมือด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศกับหน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เข้าสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายที่ 11(S-Curve 11) ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นประเด็นสำคัญหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ(พ.ศ. 2561 – 2580) สทป. ร่วมกับกระทรวงกลาโหม


และส่วนงานที่เกี่ยวข้องกำหนดอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป้าหมายที่มีความพร้อมในการผลิตเชิงพาณิชย์ ได้แก่ กระสุน วัตถุระเบิด ยานยนต์ การต่อเรือ และอากาศยานไร้คนขับ มีการกำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็น 4 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน (เมษายน–กันยายน2562) ระยะสั้น 1 ปี (ตุลาคม 2562– กันยายน 2563)ระยะกลาง 2 ปี (ตุลาคม 2563– กันยายน 2565)และระยะยาว 5 ปี


(ตุลาคม 2565– กันยายน 2570)ทั้งนี้สทป. อยู่ในระหว่างการเตรียมการจัดทำโครงการนำร่องจำนวน 8 โครงการ เพื่อตอบสนองและส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมป้องกันประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยพิจารณาจากขีดความสามารถของเหล่าทัพ และ สทป. รวมถึงความสนใจของภาคเอกชนที่จะร่วมมือกับ สทป.ในการดำเนินการโครงการที่สอดคล้องกับร่างนโยบายและเป้าหมาย ร่างระเบียบหลักเกณฑ์การจัดตั้ง


นิติบุคคล รวมทั้งการร่วมทุน ถือหุ้น เป็นหุ้นส่วน และร่างระเบียบการผลิตและขาย เพื่อให้ สทป. สามารถดำเนินการตามเป้าหมายที่วางไว้

1. โครงการซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ทางทหาร(รถถัง VT4 รถถังT85และยานเกราะล้อยาง VN1) ปี 2565 – 2569เป็นรูปแบบของการจัดตั้งโรงซ่อมบำรุงรถถัง สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศโดยอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และกำหนดแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกับบริษัทในต่างประเทศในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 และมีแผนการลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU) ในไตรมาสที่ 4 ปี 2563


2. โครงการปืนใหญ่และกระสุนเป็นรูปแบบของการจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายสำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศโดยอยู่ระหว่างดำเนินการร่วมกับหน่วยงานในประเทศที่เกี่ยวข้องในไตรมาสที่ 3ปี 2563 และมีแผนการเริ่มผลิตในไตรมาสที่ 4 ปี 2563


3. โครงการเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง(Offshore Patrol Vessel : OPV)เป็นรูปแบบของการจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายสำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศโดยร่วมกับมิตรประเทศ และมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการร่วมกับอู่ต่อเรือกรุงเทพในระยะเวลาอันใกล้


4. โครงการยานเกราะล้อยางแบบ4x4 เป็นรูปแบบของการจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายสำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU)ร่วมกับมิตรประเทศซึ่งมีแผนจะเริ่มดำเนินการผลิตเพื่อส่งมอบในไตรมาสที่ 3 ปี 2563สำหรับประเทศบางประเทศที่มั่นใจมีการวางแผนจะลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันในระยะเวลาอันใกล้นี้


5. โครงการยานเกราะล้อยางแบบ8x8 เป็นรูปแบบของการจัดตั้งโรงงานผลิตและตัวแทนจำหน่าย สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยจะได้รับการอนุมัติงบประมาณ และทำสัญญาร่วมทุนโรงงานประกอบในไตรมาสที่ 3 ปี 2563


6. โครงการอากาศยานไร้คนขับ (UAV) เป็นรูปแบบของการจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายสำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศโดยอยู่ระหว่างการทำสัญญาร่วมทุนกับโรงงานผลิต และทำสัญญากับตัวแทนจำหน่ายในไตรมาสที่ 3ปี 2563 และเริ่มแผนการผลิตในไตรมาสที่ 4 ปี 2563


7. โครงการความร่วมมือกับสาธารณรัฐเช็กรูปแบบการร่วมทุนยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งมีความเป็นไปได้ ตามนโยบายของรัฐบาล สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างการสรุปแผนการพัฒนาธุรกิจที่จะประกอบการร่วมกับสาธารณรัฐเช็กในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor:EEC) และมีแผนจะคัดเลือกโครงการเพื่อพัฒนารูปแบบและทำสัญญาร่วมทุนในไตรมาสที่ 4 ปี 2563


8. โครงการจรวดเพื่อความมั่นคงเป็นรูปแบบของการเป็นหุ้นส่วนร่วมผลิตและการจัดตั้งตัวแทนจำหน่าย สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างการสรุปแผนการพัฒนาธุรกิจเพื่อนำเสนอผลลัพธ์ในเดือนกันยายน 2563


เพื่อให้ สทป. เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีป้องกันประเทศของไทย สู่อุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่ 11 (S-Curve 11)ตอบสนองนโยบายการพัฒนาประเทศเพื่อก้าวสู่ Thailand 4.0 ของรัฐบาล และสอดคล้องกับแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ตลอดจนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ในการนำนวัตกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อพัฒนาต่อยอดและ


สร้างความมั่นคงด้านการทหารให้กับประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พลอากาศเอก ดร.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศจึงได้ริเริ่มและผลักดันโครงการนำร่องทั้ง 8 โครงการของ สทป. โดยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา การสร้างต้นแบบวิจัยสู่ต้นแบบอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของเหล่าทัพ สนับสนุนการซ่อม


บำรุงยุทโธปกรณ์ในประเทศ ช่วยลดการนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อลดการพึ่งพาจากต่างประเทศนอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนการประกอบกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ บูรณาการความร่วมมือและส่งเสริมกิจการภายในประเทศ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยสู่สากลให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก