ตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ร่วมเป็นคณะกรรมการวัตถุอันตราย โดยได้ยืนยันว่า ทางกระทรวงเกษตรฯ มีแนวนโยบายพร้อมที่จะแบน 3 สารอันตรายนี้อย่างแน่นอน พร้อมทั้งได้หารือกับตัวแทนของกระทรวงเกษตรฯ ที่จะเข้าไปเป็นกรรมการดังกล่าวในเบื้องต้นด้วยแล้ว ดังนั้น ในทางนโยบายกระทรวงเกษตรฯ ได้มีความชัดเจน ส่วนในทางปฏิบัติการยกเลิกใช้ 3 สารดังกล่าว ขอให้เป็นการพิจารณาของคณะ
กรรมการวัตถุอันตรายในการลงมติ ซึ่งหากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) มีแนวทางชัดเจนที่จะแบนสารเช่นเดียวกัน ก็สามารถเรียกประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายให้โหวตยกเลิกมติในครั้งก่อนได้ พร้อมทั้งโหวตลงมติว่าจะแบน 3 สารดังกล่าวนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขอให้มีการโหวตลงคะแนนอย่างเปิดเผย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ชัดเจน และสามารถทราบตัวบุคคลที่เห็น
ด้วย หรือไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกได้ หากมีการลงคะแนนลับก็จะเกิดความคลางแคลงและสังคมก็จะมาลงที่กระทรวงเกษตรฯ นายเฉลิมชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการแบน 3 สารเคมีดังกล่าวนั้น ได้มีแนวทางเห็นด้วยกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ (นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์) ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่ขอให้มีการดำเนินการด้วยความรอบคอบ พร้อมทั้งมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง
เกษตรฯ และอธิบดีกรมวิชาการเกษตร (นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ ) เร่งหาข้อมูลเกี่ยวกับสารทดแทนสารเคมีดังกล่าวโดยเร็ว โดยขอให้คำนึงถึงการลดต้นทุน ส่งเสริมการทำปุ๋ยสั่งตัด และเกษตรอินทรีย์ เป็นสำคัญ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยให้ร่วมมือกันบูรณาการในทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกร “ส่วนที่มีกระแสว่าคณะกรรมการวัตถุอันตรายส่วนใหญ่มาจากกระทรวง
เกษตรฯ นั้น ขอยืนยันว่ากรรมการที่มาจากกระทรวงเกษตรฯ มีเพียง 4-5 ท่าน จากกรรมการ 20 ท่าน สามารถไปดูองค์ประกอบของคณะกรรมการได้ ซึ่งกฎหมายได้กำหนดไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งคณะกรรมการวัตถุอันตรายไม่ได้แจ้งมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ แต่ได้แจ้งไปยังกรรมการท่านนั้นโดยตรง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากรรมการทุกท่านที่มาจากกระทรวงเกษตรฯ มีวุฒิภาวะที่จะทราบถึง
นโยบายของกระทรวงเกษตรฯ จึงเชื่อมั่นว่าจะมีลงคะแนนโหวตได้อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ขอให้การลงคะแนนโหวตของคณะกรรมการวัตถุอันตรายเป็นไปอย่างเปิดเผย และโปร่งใส เพื่อให้สังคมรับรู้ และเกิดความชัดเจนด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว