ทุกฝ่าย โดยเฉพาะกองสวัสดิภาพสัตว์และสัตวแพทย์บริการ ที่ดำเนินการเรื่องนี้อย่างรวดเร็วและยึดถือปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงชีวิตและสวัสดิภาพของสัตว์ เป็นสำคัญ สำหรับสุนัขเกรทเดน จำนวน 13 ตัว ที่ถูกเจ้าของฟาร์มเพาะเลี้ยงทิ้งไว้จนผอมโซนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ เมื่อได้รับแจ้ง ร้องเรียน ก็เข้าไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งหลักกฎหมายตามพ.ร.บป้องกันการทารุณสัตว์ฯ ได้วางหลักการไว้ว่า ในกรณีที่ได้รับแจ้งหรือมีเหตุอันควรเชื่อว่าได้มีการกระ
ทำการทารุณกรรม พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องมีหมายค้น (ตามป.วิอาญา) เว้นแต่มีเหตุอันควรเชื่อว่า หากเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นได้ จะมีการยักย้าย ซุกซ่อน หรือทำลายหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการค้นโดยไม่ต้องมีหมายค้นได้ แต่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายพิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยการค้น เมื่อค้นแล้ว พบว่ามีการกระทำความผิดก็สามารถยึดอายัดสัตว์หรือซากสัตว์ ที่มีเหตุอันสงสัยว่าถูกฆ่าหรือถูกทารุณกรรม รวมทั้งเอกสาร หลักฐาน ยานพาหนะ เครื่องมือ อุปกรณ์ หรือ
สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจหน้าที่ในการนำสัตว์ที่ถูกทารุณกรรมไปตรวจรักษาหรือครอบครองดูแลต่อได้ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 มาตรา 25 ประกอบมาตรา 33 ซึ่งหลังจากนี้ก็เป็นเรื่องของขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานในการร้องทุกข์ กล่าวโทษกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ถ้าพิสูจน์ได้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเข้าข่ายการทารุณกรรมสัตว์โดย
ไม่มีเหตุอันสมควร ผู้กระทำความผิดก็จะมีความผิดตามมาตรา 20 ประกอบมาตรา 31 มีโทษจำคุกไม่เกินสองปีปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งถ้าเป็นการจัดสวัสดิภาพสัตว์ไม่เหมาะสม ตามาตรา 22 หรือการปล่อยละทิ้งสัตว์ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามมาตรา 23 ประกอบมาตรา 32 จะต้องระวางโทษปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท อีกด้วย ดังนั้นจึงขอฝากไว้ว่าการเลี้ยงสัตว์หรือการเพาะเลี้ยงสัตว์สัตว์และการหาประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งทางตรงและทางอ้อม นั้นควรปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมด้วยความรับผิดชอบและต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดอีกด้วย