จำนวนผู้เข้าชมวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2562

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดประชุมผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวจาก 60 ประเทศทั่วโลก Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2019 เพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ณ โอเชี่ยน มารีน่า ยอร์ชคลับ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

วันที่ 5 มิถุนายน 2562 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ได้จัดประชุมผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวจาก 60 ประเทศทั่วโลก Thailand Travel Mart Plus (TTM+ 2019) New Shades of Emerging Destinations ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 มิถุนายน 2562 ณ โอเชี่ยน มารีน่า ยอร์ชคลับ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ ธุรกิจท่องเที่ยวของผู้ประกอบการในประเทศไทยและเปิดโอกาสให้ผู้ขาย (Seller) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวของประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอื่นๆ ได้มีโอกาสนำเสนอสินค้าให้กับผู้ซื้อ (Buyer) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวจาก 60 ประเทศทั่วโลก โดยในปีนี้เน้นบริษัทที่มี


ศักยภาพในกลุ่มตลาดหรือเกี่ยวข้องกับ Romance and Luxury Travel ภายใต้ธีม Million Shades of Romance เป็นงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวลักษณะ Business to Business (B2B) ที่จัดขึ้นประมาณต้นเดือนมิถุนายนของทุกปี เริ่มจัดครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 โดยความร่วมมือระหว่าง ททท. สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TCT) สมาคมโรงแรมไทย (THA) สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติไทย (TICA) สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) และธุรกิจท่องเที่ยวภาคเอกชน โดยในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 18 เป็นเวทีให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของไทย และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากประเทศกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท บริษัทนำเที่ยวและตัวแทนจำหน่ายด้านการท่องเที่ยว สมาคมด้านการท่องเที่ยว สวนสนุก และธุรกิจ




บันเทิง ฯลฯ ให้แก่ผู้ซื้อซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวจากต่างประเทศทั่วโลกได้ซื้อขาย โดยเป็นการจัดงานในรูปแบบของการนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่มีอยู่และสินค้าบริการใหม่ ๆ รับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นด้านธุรกิจ รวมทั้งนำเสนอภาพลักษณ์ประเทศไทยว่าเป็นจุดเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบด้วยกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่การจัดงานครั้งนี้มีการตอบรับของผู้ขาย (Sellers) ในประเทศ และผู้ประกอบการจากประเทศเพื่อนบ้านในแถบลุ่มน้ำโขง รวมทั้งสิ้น 336 บูธ จาก 313 หน่วยงาน แบ่งเป็นผู้ขายที่เคยร่วมงานเป็นครั้งแรก 71 ราย และเคยร่วมงานแล้ว 265 ราย ในจำนวนนี้เป็นประเทศกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 11 หน่วยงาน ส่วนผู้ซื้อ (Buyers) จากต่าง




ประเทศเข้าร่วมงานจำนวน 292 ราย (48 ประเทศ) และเป็นผู้ซื้อรายใหม่ อาทิ เลบานอน และอุรุกวัย ขณะที่ผู้ซื้อที่เป็น 5 อันดับแรก จากตลาดหลักเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ได้แก่ จีน สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย อินเดีย และสหรัฐอเมริกา” แนวคิดการจัดงานที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มตลาด Luxury และ Romance products and services (สินค้าและบริการที่เป็นที่สนใจของคู่รัก) โดยในปีนี้ ททท. ได้รับสมัครผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวด้านที่พักระดับ 3 ดาวขึ้นไปจากเมืองหลักและเมืองรองที่นำเสนอแพ็คเกจท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Romance ซึ่งรวมถึงกลุ่ม Wedding Honeymoon ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ กอปรกับประเทศไทยมีสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี อนึ่ง การจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จัดงานในพื้นที่กลางแจ้ง ซึ่งเป็นโอกาสอันดีสำหรับ Buyers จากต่างประเทศที่จะได้สัมผัสบรรยากาศที่สวยงามริมชายทะเลของเมืองพัทยา กิจกรรมภายในงาน อาทิ




การเจรจาธุรกิจที่มีนัดหมายล่วงหน้า (pre-appointment) ระหว่างผู้ขาย (Sellers) ที่เป็นผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการจากกลุ่มประเทศ GMS (Greater Mekong Subregion) กับผู้ซื้อ (Buyers) ที่เป็นบริษัทนำเที่ยวจากทั่วโลกผ่าน TTM+ Online Application ซึ่งช่วยทำให้การนัดหมายเจรจาธุรกิจสะดวกขึ้น กิจกรรม Networking lunch ซึ่ง ททท. ได้เตรียมเมนูอาหารชื่อดังกว่า 20 ประเภทให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มรส อาทิ ผัดไทย มัสมั่นทุเรียน ขนมจีน ข้าวต้มมัด และหอยจ๊อ เป็นต้น งาน Thailand Media Briefing ซึ่งจะอัพเดทสถานการณ์และแนวทางการทำการตลาดท่องเที่ยวของประเทศไทยให้สื่อมวลชนจากทั่วโลกได้รับทราบ รวมถึงกิจกรรม Pre-Post tour สำหรับกลุ่มผู้ซื้อและสื่อมวลชนจากต่างประเทศ ได้มีโอกาสสำรวจสินค้าท่องเที่ยวพร้อมขายในจังหวัดต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย


ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ททท. คาดว่า การจัดงานครั้งนี้ จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยได้มีการเจรจาและนำเสนอขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวมากขึ้น เป็นการเพิ่มประสบการณ์และเตรียมความพร้อมในการทำธุรกิจในระดับสากลให้แก่ภาคเอกชนไทย ผู้ประกอบการนำเที่ยวต่างประเทศได้มีโอกาสสำรวจ ศึกษาและรับข้อมูลสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวทั้งเก่าและใหม่ รวมถึงกิจกรรมที่หลากหลายของไทยเพื่อนำไปบรรจุในโปรแกรมเสนอขาย และยังช่วยประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและความหลากหลาย โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองท่องเที่ยวในภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทย ซึ่งสอดรับกับแผนการพัฒนา






พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัด ในภูมิภาคตะวันออก สู่การท่องเที่ยวระดับโลกรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มรายได้สูง และกลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้ประชาชนในพื้นที่ให้สูงขึ้น