จำนวนผู้เข้าชมวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2562

จบสวย !!! มูลนิธิพัฒนาอีสาน ตอบโจทย์ขจัดปัญหาความยากจนกับการจัด"งานเทศกาลถนนสายวัฒนธรรมผ้าไหมอาเซียน 2019 ครั้งที่ 1"

จบลงอย่างสวยงามกับ"งานเทศกาลถนนสายวัฒนธรรมผ้าไหมอาเซียน  ASEAN SILK FESTIVAL 2019 ครั้งที่ 1"มูลนิธิพัฒนาอีสาน ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐทั้ง 5 หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนในการจัดงาน เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมไปถึงการขจัดความยากจนและลดความเลื่อมล้ำ การจัด"งานเทศกาลถนนสายวัฒนธรรมผ้าไหมอาเซียน  ASEAN SILK FESTIVAL 2019 "ในครั้งนี้ มูลนิธิพัฒนาอีสานได้ตระหนักถึงปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ


ปากท้องของคนยากจน เกษตรกร ชุมชน หมู่บ้าน ที่ยังคงต้องการอาชีพและรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงค์ชีวิตในแต่ล่ะวัน  จึงมีวัตถุประสงค์ที่จะต้องการสนับสนุนและส่งเสริมการเลี้ยงไหม การทอผ้าไหมในท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไม่เพียงแค่ในปรเทศ แต่จะผลักดันให้เกิดการค้าและการลงทุนผ้าไหมในต่างประเทศ และโครงการสำคัญที่มูลนิธิพัฒนาอีสานต้องการที่จะผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรม คือโครงการช่วยเหลือผู้สูงอายุในชนบทที่ประสบปัญหาขาดแคลนทุนทรัพย์ เจ็บป่วยหรือถูกทอดทิ้ง  ซึ่งปัจุบันนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มูลนิธิพัฒนาอีสานจึงได้ประชุมหารือกับผู้เกี่ยวข้องเและผู้สนับสนุนในการ





จัด"งานเทศกาลถนนสายวัฒนธรรมผ้าไหมอาเซียน  ASEAN SILK FESTIVAL 2019 "ในครั้งนี้ โดยมี 5 หน่วยงานหลักที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทน(ททท.)สำนักงานสุรินทร์ 2.องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ 3.ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ 4.พัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์ 5.สถานีวิทยุจังหวัดสุรินทร์(ส.ว.ท) โดยมีกำหนดการจัดงานทั้งหมด 3 วัน เพื่อต้องการระดมทุนช่วยเหลือผู้สูงอายุในชนบทที่ประสบปัญหาขาดแคลนทุนทรัพย์ เจ็บป่วยหรือถูกทอดทิ้งในโครงการ และส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภายในจังหวัดสุรินทร์ วัน 29 มีนาคม 2562 





ซึ่งเป็นแรก บนเวทีได้มีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ และมินิคอนเสริ์ตของเจเน็ต เขียว พร้อมหางเครื่อง มีการออบูธแสดงสินค้า OTOP จากอำเภอต่างๆอธิเช่น เครื่องเงินลุงป่วน จากอ.เขวาสินรินทร์ ผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติ จากคุณสมใจ บ้านไทร จารพัตร อ.ศรีขรภูมิ  ข้าวหอมมะลิ จากอ.จอมพระ และ ผ้าไหมทอมือ จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาว ก็มาร่วมในงานนี้  วันที่ 30 มีนาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของ"งานเทศกาลถนนสายวัฒนธรรมผ้าไหมอาเซียน  ASEAN SILK FESTIVAL 2019 "ในช่วงค่ำก่อนพิธีเปิดจะเริ่มขึ้น บรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วย


 



บรรดาแขกรับเชิญและบรรดาเซเลปที่เดินทางมาร่วมงานและเดินแฟชั่นการกุศล โดยมีนางสาวธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานสุรินทร์ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดได้มีการแสดงรำคล้องช้างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ และการเดินแบบของศิลปินดาราและเซเลปรับเชิญ และการเดินแบบผ้าไหมในชุดแรกของงานมีชื่อชุดว่า"ศรีผไทสมัน สุรินทร์ภักดิ์"เป็นการเดินแบบชุดไทย บรรดานางแบบและนายแบบเป็นผู้มีชื่อเสียงรวมไปถึงศิลปินดารา อย่าง เอ พสิน ในชุด 2 ชื่อ "สุรินทร์เบิกฟ้า"เป็นชุดผ้าไหมที่ทันสมัย เดินแบบโดย






ตัวแทนนักศึกษาจากคณะสิ่งทอ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตสุรินทร์ และชุดที่ 3 เป็นชุดสุดท้ายในชื่อชุด"สุรินทร์รวมใจ"เป็นนางแบบและนายแบบรับเชิญรวมไปถึงผู้ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ ต่อจากนั้นเป็นมินิคอนเสริ์ตของ ฝน ธนสุนธร พร้อมแดนซ์เซอร์ที่มาให้ความบันเทิงภายในงาน และวันสุดท้ายวันที่ 31 มีนาคม 2562 ในช่วงหัวค่ำมีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมกันตรึม ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ตามมาด้วยมินิคอนเสริ์ตของ เท่ อุเทน พรพมมินทร์  รองศาสตราจารย์ ดร.สุนทร โคตรบรรเทา ประธานมูลนิธิพัฒนาอีสาน กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่มูลนิธิพัฒนาอีสานได้จัดงานแบบนี้  มูลนิธิพัฒนาอีสาน (NET Foundation) หรือ ศูนย์เนท






ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนในจังหวัดสุรินทร์ ที่มีประสบการณ์การพัฒนาชุมชนชนบทมากว่า 38 ปี ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นองค์การสาธารณประโยชน์ลำดับที่ 657 (ตามประกาศกระทรวงการคลัง) หมายเลขทะเบียนมูลนิธิฯ 3815 ได้ดำเนินงานพัฒนาชุมชนครอบคลุมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกจังหวัด จึงได้รับรางวัล อาเซียนอวอร์ต ASEAN AWARD จากเวทีประชุมคณะรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ณ ประเทศอินโดนีเซีย ในปี 2556  และในปี 2562 เป็นปีที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียน มูลนิธิฯ ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับรางวัลอา







เซียนอวอร์ต ASEAN AWARD จึงเห็นสมควรที่จะนำเสนอผลงานดังกล่าวเพื่อส่งเสริมสร้างภาพลักษ์ให้เป็นที่รู้จัก รวมไปถึงจัดตั้งโครงการช่วยเหลือผู้สูงวัยในชนบทที่ประสบปัญหาขาดแคลนทุนทรัพย์ เจ็บป่วยหรือถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของมูลนิธิพัฒนาอีสาน สุดท้ายต้องขอขอบคุณทุกๆหน่วยงานที่สนับสนุนในการจัดงานในครั้งนี้โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่สนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือในการจัดงานในครั้งนี้