วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เวลา 9.30 น นายสมชาย ชมภูน้อย ผอ.ททท.ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ นางธนภร พูลเพิ่ม ผอ.ททท.สำนักงานอุบลราชธานี นำทัพขบวนคาราวานพิชิต 20 จังหวัดภาคอีสาน เข้าสู่ปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่ จ.ศรีสะเกษ เป็นที่เรียบร้อย และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
นายอำเภออุทุมพรพิสัย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษ การท่องเที่ยวจังหวัด และกลุ่มแม่บ้าน นายสมชาย ชมภูน้อย ผอ.ททท.ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายอำเภออุทุมพรพิสัย กล่าวต้อนรับและชมการแสดงจากกลุ่มแม่บ้านในชุมชน สำหรับจังหวัดศรีสะเกษ เป็นจังหวัดที่ 12 ของการเดินเส้นทางส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวภาคอีสาน “อีสานแซ่บนัว Cool Isan จากวิถีถิ่นสู่วิถีเทรนด์”
พิชิต 20 จังหวัดภาคอีสาน มีหมายกำหนดการการเดินทางทั้งหมด 8 วันใน 7 เส้นทางหลัก วันนี้เป็นเส้นทางที่มีชื่อว่า Adventure เป็นเส้นทางที่ 6 เริ่มต้นที่ศรีสะเกษ สำหรับ"ปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่" ปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่และสภาพสมบูรณ์ที่สุดของจังหวัดศรีสะเกษ เป็นอีกหนึ่งแลนต์มาร์คที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดศรีสะเกษ
ปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่ หรือปราสาทศรีพฤทเธศวร เป็นแหล่งค้นพบวัตถุโบราณจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นทับหลังที่พบมากถึง 13 แผ่น พระพิมพ์ดินเผา เทวรูป และพระพุทธรูปโบราณ โดยภาพจำหลักทับหลังปราสาทหินสระกำแพงใหญ่เป็นศิลปะเขมรแบบคลังต่อบาปวน ที่เจริญรุ่งเรืองอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 ทับหลังที่พบที่ปราสาทหินสระกำแพงใหญ่ที่น่าสนใจได้แก่ ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ทับหลังพระกฤษณะประลองกำลังกับม้า ทับหลังพระศิวะทรงโคนนทิ ทับหลังคชลักษมี ทับหลังพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ และทับหลังหนุมานถวายแหวน
ปราสาทหินสระกำแพงใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณวัดสระกำแพงใหญ่ บ้านกำแพงใหญ่ ต.สระกำแพงใหญ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ อยู่ห่างจากตัว อ.อุทุมพรพิสัย 2 กิโลเมตร ห่างจากตัวจังหวัด 26 กิโลเมตร เป็นศิลปะแบบบาปวน มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 สันนิษฐานว่าปราสาทแห่งนี้เดิมเป็นเทวาลัยถวายแด่พระศิวะ แล้วต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 18 ได้มีการเปลี่ยนแปลง เป็นวัดในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ปัจจุบันปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่ได้รับการประกาศเป็นโบราณสถานของชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478
ปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่ เป็นปราสาทขอมโบราณขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นปรางค์ 3 องค์ ตั้งอยู่บนฐานเดียวกันเรียงตัวในแนวทิศเหนือใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปรางค์ประธานซึ่งอยู่ตรงกลางก่อด้วยหินทรายแซมด้วยอิฐในบางส่วน มีทับหลังจำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณบนแท่นเหนือหน้ากาล ส่วนปรางค์อีก 2 องค์ที่ขนาบข้างเป็นปรางค์อิฐ มีส่วนประกอบตกแต่งที่เป็นหินทราย เช่น กรอบเสาประตู นอกจากนี้ยังมีปรางค์อิฐอีกองค์หนึ่ง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกค่อนไปทางทิศใต้ภายในระเบียงคต
ด้านหน้าปรางค์ประธานมีวิหารก่ออิฐ 2 หลัง ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลง หันหน้าไปทางทิศตะวันตก วิหารที่อยู่ทางด้านทิศเหนือ มีทับหลังสลักภาพพระนารายณ์บรรทมสินธุ์อยู่เหนือพระยาอนันตนาคราชท่ามกลางเกษียรสมุทร ส่วนวิหารที่อยู่ทางด้านทิศใต้มีทับหลังสลักรูปพระอิศวรกับพระอุมาประทับนั่งเหนือโคนนทิ วิหารทั้งสองนี้ใช้เป็นที่เก็บคัมภีร์ทางศาสนา ซึ่งเปรียบได้กับ “หอไตร” ของศาสนาพุทธ
อาคารศาสนสถานทั้งหมดนี้ถูกล้อมรอบด้วยระเบียงคตรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีโคปุระ หรือซุ้มประตูขนาดใหญ่ทั้ง 4 ด้าน ส่วนสระน้ำ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของศาสนสถานประเภทปราสาทหินนั้นอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 500 เมตร แต่ปัจจุบันไม่เหลือสภาพแล้ว หลังจากเยี่ยมชมและบันทึกภาพกิจกรรมเสร็จสิ้น ขบวนคาราวานพิชิต 20 จังหวัดภาคอีสาน ได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดที่ 13 คือจังหวัดสุรินทร์ ต่อไป