จำนวนผู้เข้าชมวันนี้

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561

คาราวานพิชิต 20 จังหวัดภาคอีสาน ชวนแวะมาเช็คอิน @พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก แลนด์มาร์คแห่งใหม่ จ.ยโสธร ไม่งั้นเอ้าท์!

วันที่ 30 กันยายน 2561 เวลา 14.00 น.ขบวนคาราวานพิชิต 20 จังหวัดภาคอีสาน ได้เดินทางมาถึง"พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ จ.ยโสธร ระยะทางการเดินทางทั้งสิ้น 150 กม ขบวนคาราวานได้รับการต้อบรับจาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโธร สำหรับเส้นทาง"อีสานแซ่บนัว Cool Isan"เป็นเส้นทางส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวภาคอีสาน ที่ททท.ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้


วางแผนยุทธศาสตร์เอาไว้เพื่อเตรียมความพร้อมในปีหน้า 2562  เพื่อผลักดันนโยบายของรัฐบาลเต็มกำลัง โดยที่จะใช้การท่องเที่ยวเป็นหลักเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้คิกคักและเข็มแข็ง ลดความเลื่อมล้ำในมิติต่างๆ  จะพูดถึงแลนต์มาร์คแห่งใหม่ในวันนี้ บอกว่าลืม"เมอร์ไลอ้อนสิงคโปร์"ไปได้เลย! เพราะวันนี้เมืองไทยเรามีแลนด์มาร์คใหม่ๆเกิดขึ้นมามายอย่างเช่น "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" สุดยิ่งใหญ่ริมแม่น้ำ


ทวนใน จ.ยโสธร เป็นตึกพิพิธภัณฑ์รูปคางคก ความสูง 19 เมตร หรือเท่ากับตึก 5 ชั้น สำหรับชาวอีสาน คางคกเป็นสัตว์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และเป็นตำนานความเชื่อเกี่ยวกับประเพณีบุญบั้งไฟที่มีมาช้านาน จึงเป็นที่มาของแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่ใครไปเที่ยวยโสธรก็ต้องแวะไปเช็คอิน ภายในพิพิธภัณฑ์พญาคันคาก จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับคางคกกว่า 500 สายพันธุ์ทั่วโลก และมีการจัด





ฉายตำนานของประเพณีบุญบั้งไฟในรูปแบบภาพยนตร์ 4 มิติ ให้นักท่องเที่ยวได้มาศึกษาประเพณีและเรียนรู้วิทยาศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน แลนด์มาร์คแห่งนี้ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในโครงการ “เขาเล่าว่า” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกด้วย  มีเรื่องเล่าว่า...กาลครั้งหนึ่งที่อีสานแล้ง เพราะฝนไม่ตกต่อเนื่องกันถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน !!! จนทำให้พญามหายุทธแดนอีสานอาสานำสัตว์ต่างๆ เช่น ช้าง ม้า วัว 





ควาย ปลวก ผึ้ง และต่อแตน ขึ้นไปรบกับพญาแถนจนชนะ ฝนจึงตกมาตามเดิม โดยมีข้อแม้ว่า ต้องจุดบั้งไฟขึ้นไปบอกกล่าวทุกปี ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่องราวที่มาของประเพณีบั้งไฟ บางตำนานนั้นก็เล่าว่า พญาคันคากเป็นพระโพธิสัตว์ เสวยชาติเป็นโอรสของกษัตริย์ เหตุที่ได้ชื่อว่า “พญาคันคาก” เป็นเพราะเมื่อครั้งประสูติมีรูปร่างผิวพรรณเหมือนคางคก หรือที่ชาวอีสานเรียกกันว่า คันคาก และถึงแม้พระองค์จะ


มีรูปร่างอัปลักษณ์ แต่พระอินทร์ก็คอยช่วยเหลือ จนพญาคันคากเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน จนลืมที่จะเซ่นบูชาพระยาแถน พระยาแถนจึงโกรธ ไม่ยอมปล่อยน้ำฝนให้ตกลงมายังโลกมนุษย์ ศึกการต่อสู้ระหว่างพญาคันคากและพญาแถนจึงเกิดขึ้น โดยพญาคันคากได้นำทัพสัตว์ต่างๆ ขึ้นไปรบ จนได้รับชัยชนะ พญาแถนจึงปล่อยให้ฝนตกลงมาเช่นเดิม แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องจุดบั้งไฟขึ้นไปบูชาเป็นประจำทุก





ปี จึงเป็นที่มาว่าเมื่อถึงเดือนหกอันเป็นต้นเดือนฤดูฝน ชาวอีสานจึงทำบั้งไฟจุดขึ้นบนฟ้าถวายพญาแถน เพื่อฝนจะได้ตกต้องตามฤดูกาลนั่นเอง หลังจากขบวนคาราวานพิชิต 20 จังหวัดภาคอีสานได้ถ่ายรูปหมู่คณะและรับประทานอาหารร่วมกันเสร็จสิ้น นายสมชาย ชมภูน้อย ผอ.ททท.ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้มอบของที่ระลึกให้แก่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร แล้วเดินทางต่อไปยัง"พระธาตุกล่องข้าว




น้อย ต่อไป สำหรับใครที่มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดยโสธร อย่าพลาดไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พญาคันคากสุดอลังการแห่งนี้ รวมถึงพิพิธภัณฑ์พญาแถน และพิพิธภัณฑ์พญานาค ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งภายในก็จะรวบรวมตำนานพญานาคทั้งหมดมาไว้ให้ได้ศึกษาเช่นกัน พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ยโสธร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ททท. สำนักงานอุบลราชธานี โทรศัพท์ 045-243-770 หรือสายด่วนการท่องเที่ยว 1672 ได้ทุกวัน