จำนวนผู้เข้าชมวันนี้

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ททท.ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำคณะสื่อมวลชน เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์เครื่องเงินโบราณ บ้านครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างทำเครื่องเงินที่มีชื่อเสียง ของอ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์

ททท.ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำคณะสื่อมวลชน เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์เครื่องเงินโบราณบ้านครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างทำเครื่องเงินที่มีชื่อเสียง ลุงป่วน เจียวทอง ครูภูมิปัญญาไทย ด้านการทำเครื่องเงินโบราณ เป็นครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 6 สาขา อุตสาหกรรมและหัตถกรรม และครูศิลป์ของแผ่นดิน


ของ ต.เขวาสินรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์  ประวัติการเรียนรู้และการทำงานด้านภูมิปัญญา วัยเด็กเกิดในครอบครัวชาวนายากจนครอบครัวหนึ่ง ซึ่งมีพี่น้องด้วยกัน 7 คน นายป่วน เจียวทองต้องช่วยพ่อแม่ทำประกอบอาชีพทำนา เกษตรกรรมเนื่องจากว่าเป็นพี่คนโตจึงต้องทำงานหนักและช่วยแบ่งเบาภาระทางครอบครัวการศึกษาเมื่อถึงวัยเรียน ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านเขวาสินรินทร์ จนจบ




ชั้น ป.4 พออายุได้ 13 ปี ด้วยความที่เมื่อเด็กๆได้คลุกคลีกับช่างทองเพราะเห็นรุ่นพ่อ รุ่นอา เป็นช่างทอง มีรายได้ดี นายป่วน เจียวทอง จึงอยากที่จะเรียนตีทองด้วย จึงอ้อนวอนพ่อแม่ให้พาไปกราบเป็นลูกศิษย์ของครูทองหม ผจญกล้า ซึ่งการปวารณาขอเป็นศิษย์ในครั้งนี้ ได้ทำแบบประเพณีพิธีตามแบบโบราณ โดยมี
.
1 พานดอกไม้
2 ธูปเทียน
3 เงิน 6 สลึง
4 ผ้าขาว 1 ผืน
5 เหล้าขาว 1 ขวด
.
โดยมีเพื่อนไปเรียนด้วยกัน 3 คน ได้แก่ นายเมา ขาวแก้ว ซึ่งเป็นญาติห่างๆแต่เป็นรุ่นพี่หลายปี และนายเรียด วงศ์เหิม เพื่อนรุ่นเดียวกัน เรียนเป็นช่างทองกับครูทองหม เป็นเวลา 3 ปี ก็จบ เสียค่ายกครู เป็นเงิน 700 บาท (เงิน 700 บาทเมื่อสมัย 50 ปีก่อนต้องขายข้าว 1 เกวียน เนื่องจากการเรียนในสมัยนันจะเรียนช่วงว่างเว้นจากการทำนา เมื่อเสร็จสิ้นการเก็บเกียวจึงขอข้าวพ่อแม่ขายเป็นค่ายกครูดังกล่าว)หลังจากที่




นายป่วน เจียวทองได้เรียนจบเป็นช่างตีทอง ก็แยกย้ายจากเพื่อนอีก 2 คนที่ไปเรียนด้วยกัน โดยเพื่อน 2 คนไปประกอบอาชีพส่วนตัว ส่วนตัวเองก็ยังคงทำงานกับครูทองหม ต่ออีก 3 ปี หลังจากนั้นจึงตัดสินใจออกมาทำงานของตัวเองบ้าง บางครั้งช่างรุ่นพี่เขาได้งานมามาก เขาก็จะเฉลี่ยงานให้ช่วยทำบ้าง ถ้าไม่มีงานจ้างก็จะทำงานของตัวเอง เมื่อทำงานได้งานมากแล้วก็จะชวนช่างที่ทำเหมือนกันออกไปเร่ขายที่ต่างถิ่น แต่ถ้ามีงานของตัวเองน้อยก็จะฝากเขาขาย โดยให้เขาหัก 10 เปอร์เซ็นต์ ของราคาขาย บางครั้ง




ออกไปขายพร้อมเครื่องมือทำทอง เพื่อไปรับจ้างทำและซ่อมด้วย เป็นการเพิ่มรายได้ จนสุดท้ายการขายฝีมือเริ่มยากขึ้น เนื่องจากการคมนาคมสะดวกขึ้น คนทั่วไปจึงนิยมทองที่ส่งมาจากกรุงเทพฯ จนทำให้หยุดอาชีพตีทองนี้ลง และเปลี่ยนอาชีพอื่นเป็นบางช่วง แต่นายป่วน เจียวทอง ไม่เคยที่จะทิ้งเครื่องมือช่าง จะเก็บรักษาไว้อย่างดี ถ้ามีงานมาก็จะทำได้ทันท่วงที เพราะเป็นงานที่ตัวเองรัก2 การทำงานด้านภูมิปัญญาเริ่มทำงานด้านภูมิปัญญา ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 25183 ลักษณะการทำงานด้านภูมิปัญญา




เมื่อปี พ.ศ.2518 นายป่วน เจียวทอง คิดการฟื้นฟูการทำปะเกือม จึงได้ชวนช่างที่ทำงานทองเหมือนกันมาร่วมทำงาน โดยชวนกันทำทั้งหมด 13 คน ได้แก่1 นายสวาส มุตะโสภา2 นายเพียร เกิดพุ่ม3 นายยาน ดมหอม4 นายดวม ขาวเครือ5 นายเชียร ผจญกล้า6 นายพลอน ผจญกล้า7 นายพัน ยัดดี8 นายพลัน มากพันที9 นายคิด ปรากฏชื่อ10 นายพจน์ ธนุนาจารย์11 นายยัด ธนุนาจารย์12 นายแล เหิมหาญ13 นายทองหม ผจญกล้าพร้อมกับการรับศิษย์รุ่นแรก ของนายป่วน เจียวทอง มีด้วยกัน 4 คน1 นายสมบูรณ์ เสาร์ศิริ2




นายชัชวาล ถือชาติ3 นายคำรณ ผจญกล้า4 นายไสว ศาลาซึ่งตัวเองได้เป็นคนดูแลศิษย์ทั้ง 4 คน ทำร่วมกันประมาณ 2 ปี ก็ทยอยออกไปรับงานเอง โดยที่ว่าใครมีความพร้อมก่อน แต่เมื่อยังไม่พร้อมก็อยู่ช่วยกันต่อไปคนที่ออกคนแรกคือ นายสวาส มุตะโสภา เพราะมีความพร้อมและอวุโสกว่าเพื่อน โดยออกไปพร้อมกับการสอนลูกหลานและชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง โดยมีคนอื่นเริ่มทยอยออกไปพร้อมกับสอนลูกหลานและชาวบ้านใกล้เคียงเพื่อต่อยอดในอาชีพช่างปะเกือมจวบจนเมื่อปี พ.ศ.2522 เนื่องจากทองคำเริ่มมีราคาสูงขึ้นมาก ช่างทองจึงเปลี่ยนมาใช้เงินเป็นวัสดุในการทำแทน และในช่วงนี้เองที่เป็น

 



ยุคทองของการทำเครื่องเงิน ซึ่งเริ่มมีช่างเป็นจำนวนมากและแพร่ขยายไปหมู่บ้านใกล้เคียง ลูกศิษย์ของครูแต่ะละคนเริ่มแตกสาขาขยายออกมารับงานเองและสอนให้เครือญาติ จนขยายอาชีพช่างปะเกือมเป็นวงกว้างในตำบลเขวาสินรินทร์ในช่วงนั้น (ปัจจุบันเป็นอำเภอเขวาสินรินทร์)และด้วยเหตุนี้เองจึง



ทำให้จังหวัดสุรินทร์ได้รับชื่อเสียงโด่งดังด้วย จนเป็นที่มาหนึ่งในคำขวัญของจังหวัดว่า"สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวยร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม"จุดเด่นขององค์ความรู้และการจัดการการเรียนรู้ตะเกาลายโบราณ มีทั้งหมด 13 ลาย
.
1 ลายรังหอก
2 ลายรังหอกปิด
3 ดอกตั๋งโอ๋
4 ดอกตั๋งโอ๋ 3 ชั้น
5 ปลึด
6 ปลึด 3 ชั้น
7 ไข่แมงดา
8 ดอกระเวียง
9 รังผึ้ง
10 รังแตน
11 ดอกทานตะวัน
12 ดอกขจร
13 ดอกมะลิ
.
มีลายเพิ่มขึ้นอีก 3 ลาย คือ1 ลายรังหอก 3 ชั้น ไข่ปลา 3 เม็ด2 ลายรังหอก 3 ชั้น ไข่ปลา 4 เม็ดสองลายนี้ เป็นการเพิ่มรายละเอียดเหมือนกับการทำลายดอกตั๋งโอ๋ และลายปลึดของงานโบราณ3 ลายดอกพริก โดยการดึงเอาดอกพริก ซึ่งเป็นส่วนประกอบเกือบทุกลายให้มาเป็นลายของตัวเองความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เป็นเอกลักษณ์ที่เด่นชัดเอกลักษณ์เด่นเป็นช่างทองมาก่อน ซึ่งเป็นงานโบราณซึ่งจัดอยู่ใน




ประเภทงานประณีตศิลป์ เมื่อมาทำเครื่องเงิน ความประณีต ความละเอียดเป็นในรูปแบบของงานทอง ซึ่งแตกต่างจากช่างเงินโดยกำเนิด และเป็นคนเดียวที่ยังทำงานอยู่และสอนลูกศิษย์ได้ ปัจจุบันรวบรวมลายตะเกาโบราณไว้ 13 ลาย ซึ่งไม่เคยมีช่างคนไหนทำได้มาก่อน มีการทำลายใหม่ขึ้น โดยยึดตัวอย่างของโบราณที่ทำไว้แล้วดึงเอาจุดเด่น ส่วนประกอบของลายโบราณมาสร้างลายใหม่ขึ้น
.
มิสเตอร์ที