จ.สมุทรสาคร ตั้งอยู่ปากอ่าวไทยต่อกับแม่น้ำท่าจีน ชาวท่าฉลอมส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่อพยพเข้ามา
จากเมืองจีนทางเรือสำเภา แล้วกระจัดกระจายไปตั้งถิ่นฐานบริเวณปากแม่น้ำ เช่น แถวอ่างศิลา บางปะกง แม่กลอง และที่สมุทรสาคร ท่าฉลอมจึงมีอีกชื่อว่าท่าจีน เพราะเป็นจุดที่มีชาวจีนล่องเรือเข้ามา และยังเป็นชื่อของแม่น้ำ เรียกว่า “ท่าจีน”ส่วนชื่อที่เรียก “ท่าฉลอม” เพราะเป็นบริเวณที่มีเรือฉลอม
จอดเทียบ ซึ่งในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า เรือฉลอม คือ เรือต่อชนิดหนึ่ง คล้ายเรือกระแชง นิยมใช้ตามหัวเมืองชายทะเลแถบปากอ่าว สำหรับบรรทุกสินค้าหรือหาปลา สมัยโบราณเวลาเกิด
ศึกสงครามก็จะถูกเกณฑ์ไปใช้ในราชการทัพด้วย อาจติดใบหรือไม่ก็ได้ ชาวท่าฉลอมในอดีตส่วนมากมีอาชีพประมง โดยเฉพาะการทำโป๊ะ ดองปลา ทำกะปิ น้ำปลา มีทั้งตลาดน้ำ และตลาดบก เมื่อครั้งรัชกาล
ที่ 5 เสด็จประพาสสมุทรสาครครั้งแรก โดยรถไฟสายคลองสาน-มหาชัย เมื่อ พ.ศ.2447 และเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันนั้น พระองค์เสด็จประพาสต้นจากบางปะอินไปเพชรบุรี ขากลับผ่านสมุทรสาครแวะซื้อเสบียงที่ตลาดบ้านท่าฉลอม แล้วไปพักทำครัวเย็นที่วัดโกรกกราก จากการเสด็จฯไปครั้งนั้น พระองค์
ทรงติว่าท่าฉลอมสกปรก ทำให้ผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม และชาวบ้าน ช่วยกันเรี่ยไรเงินปูอิฐถนนทั้งสายใหม่ ให้ชื่อว่า “ถนนถวาย” และมีนโยบายตั้งสุขาภิบาลท่าฉลอมดูแลความสะอาดให้เรียบร้อยต่อไป เมื่อ
รัชกาลที่ 5 เสด็จฯ มาทอดพระเนตรแล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศจัดตั้งสุขาภิบาลท่าฉลอม ขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษยน ร.ศ.125 (พ.ศ.2449) สุขาภิบาลท่าฉลอม จึงเป็นสุขาภิบาลในหัวเมืองแห่งแรกของประเทศ หลังจากรับฟังการบรรยายและเยี่ยมชมเสร็จสิ้น คณะผู้ประกอบการการท่องเที่ยวและสื่อมวลชน ได้เดินทางต่อไปยัง"วัดใหญ่จอมปราสาท"วัดเก่าแก่อายุ 400 ปี
.
มิสเตอร์ที