เวลา 8.30 น.ททท.สำนักงานสุรินทร์ นำนายหลินเว่ย ประธานบริหารสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน และนางจาง ซิงหงษ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวประเทศจีนประจำประเทศไทยพร้อมคณะ เดินทางไป อ.ชุมพลบุรี เพื่อรับประทานอาหารเช้าและเยี่ยมชมฟาร์มเมล่อน เจ้าแรกได้รับโล่รางวัลพระราชทาน เกษตรกรดีเด่น สาขาทำสวน ปี 59 จากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ”ตั้งถาวรฟาร์ม”
ผู้บุกเบิกเจ้าแรกที่นำผลไม้เมล่อน แตงโมอินทรีย์ และพืชอีกหลายชนิด โดยมีพื้นที่สวนสองแห่ง ในพื้นที่จำนวน 19 ไร่ ในพื้นที่สองแห่ง แห่งแรกตั้ง อยู่ตำบลเมืองบัว มี 20 โรงเรือน และแห่งที่สอง ตั้งอยู่บ้านพลับ ตำบลสระขุดเมืองบัว ของอำเภอชุมพลบุรี มีทั้งหมด 15 โรงเรือน ซึ่งมีนายสถิต และนางวราภรณ์ ชูตั้งถาวร เป็นเจ้าของฟาร์ม ที่สวนแห่งนี้ไม่เพียงแค่ปลูกและจำหน่ายเมล่อน 4 สายพันธุ์ยังมีร้านอาหารไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย หลังจากเยี่ยมชมเสร็จ
เวลา 9.30 น.ททท.สำนักงานสุรินทร์ ได้นำนายหลินเว่ย ประธานบริหารสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน และนางจาง ซิงหงษ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวประเทศจีนประจำประเทศไทยพร้อมคณะ เดินทางต่อไปยัง ทะเลสาบทุ่งกุลา บ้านม่วงสวรรค์ หมู่ที่ 7 ตำบลไพรขลา อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ เป็นหนึ่งในโครงการแก้มลิงอ่างกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ทางกรมชลประทานได้มาขุดเพื่อการเกษตร ในพื้นที่รอยต่อตำบลไพรขลา อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ และ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัด
ร้อยเอ็ด มีความลึกตั้งแต่ 1-4 เมตร จำนวน 150 ไร่รอบบริเวณอ่างเก็บน้ำมีพื้นที่ทั้งสิ้น 750 ไร่ ซึ่งกรมชลประทานหลังจากขุดเสร็จได้โอนความรับผิดชอบให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลไพรขลา อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ เมื่อต้นปี 2555 ที่ผ่านมา เมื่อแรกขุดน้ำก็ขุ่นตามธรรมชาติ แต่ไม่ถึงปีน้ำแห่งนี้เป็นสีครามอย่างไม่น่าเชื่อ น้ำแห่งนี้เป็นน้ำกร่อย เชื่อกันว่าในอดีตบริเวณนี้เป็นแหล่งผลิตเกลือสินเทา ทำให้เป็นตัวกลั่นกรองน้ำให้ใสสีฟ้า สวยงามเหมือนดั่งน้ำทะเลไม่ผิดเพี้ยน จนชาวบ้านและนักท่องเที่ยวพากันขนานนามว่า “ทะเลสาบทุ่งกุลา ไพรขลาแม่น้ำสีคราม”ตอนนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของ จ.สุรินทร์
เวลา 11.00 น ททท.สำนักงานสุรินทร์ นำนายหลินเว่ย ประธานบริหารสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน และนางจาง ซิงหงษ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวประเทศจีนประจำประเทศไทยพร้อมคณะ เดินทางต่อไปยัง "ศูนย์คชศึกษา"หรือ หมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง ซึ่งเป็นสถานที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิถีความเป็นอยู่ ความผูกพัน ของคนในชุมชนและช้าง รวมทั้งประเพณีและวัฒนธรรมที่น่าชื่นชมอย่างใกล้ชิด ชาวบ้านตากลาง แต่ละครัวเรือนจะมีช้างที่เลี้ยงไว้ อาศัยอยู่รวมกันจนช้างที่พวกตนเลี้ยงไว้เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวและก่อให้เกิดสายใยความผูกพันที่แน่นเเฟ้นขึ้น ระหว่างคนกับช้าง ณ บ้านตากลาง จ. สุรินทร์ ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านช้างเลี้ยงใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่ตั้งของ ศูนย์คชศึกษา บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
เวลา 13.00 น.ททท.สำนักงานสุรินทร์ นำนายหลินเว่ย ประธานบริหารสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน และนางจาง ซิงหงษ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวประเทศจีนประจำประเทศไทยพร้อมคณะ เยี่ยมชม Hommali Factory & Bio coffee ข้าวหอมมะลิ สุรินทร์ ตั้งอยู่ที่ 84 ถนน ปัทมานนท์ ตำบล จอมพระ อำเภอ จอมพระ สุรินทร์ สำหรับ Hommali Factory & Bio coffee ข้าวหอมมะลิ เป็นร้านกาแฟที่ผสมผสานสินค้าต่างๆที่เกี่ยวกับข้าวหอมมะลิ ซึ่งแต่เดิมที่ Hommali Factory & Bio coffee ข้าวหอมมะลิ เป็นโรงสีข้าวและจัด
จำหน่ายข้าวหอมมะลิที่จัดส่งไปทั่วประเทศรวมถึงในต่างประเทศด้วย และสำหรับเมนูเครื่องดื่มที่ไม่ควรพลาดของที่นี่คือ ข้าวกล้องหอมมะลิชาเขียวปั่น ชาเขียวมีกลิ่นหอมของข้าวติดออกมา เป็นซิกเนเจอร์ของร้านแห่งนี้ นายหลินเว่ย ประธานบริหารสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน และนางจาง ซิงหงษ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวประเทศจีนประจำประเทศไทย ได้เดินเยี่ยมชมภายในโรงงานและกำลังการผลิตทุกขั้นตอน โดยมีนายบรรพต สุรินทร์ศิริรัฐ ผู้บริหาร Hommali Factory & Bio coffee ข้าวหอมมะลิ ได้นำคณะเดินชม หลังจากเยี่ยมชมเสร็จสิ้น เวลา 14.00.น.ททท.สำนักงานสุรินทร์ นำนายหลินเว่ย ประธานบริหารสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน และนางจาง ซิงหงษ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวประเทศจีนประจำประเทศไทย
พร้อมคณะ เดินทางต่อไปยัง บ้านท่าสว่าง “จันทร์โสมา”ผู้ซึ่งถือกำเนิดในตระกูลช่างทอผ้าที่สืบทอดวิชาการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม สาวไหม ย้อมสีธรรมชาติ และทอเป็นผืนผ้ามาหลายชั่วอายุคน โดยมีจุดเด่นพิเศษกว่าที่อื่น ตรง “ไหมน้อย” ที่ละเอียดนุ่มนวล สาวและทอได้ยากยิ่ง จนเริ่มจะเลือนหายไป แทบไม่มีใครทราบว่าช่างที่นี่ทอไหมน้อยได้จนกระทั่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชปรารภว่า “สมัยก่อนผ้าไหมไทยมีความนุ่ม เนียน แน่น มาก ทำอย่างไรจึงจะได้ผ้าชนิดนั้นคืนกลับมา” เหล่าข้าราชบริพารก็ออกเสาะหา จนได้พบผ้าทอไหมน้อยที่ท่าสว่าง เมื่อทอขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เป็นที่พอพระทัย จึงพระราชทานเงินส่วนพระองค์ สร้างโรงทอผ้าตามรูปแบบราชสำนักโบราณขึ้น
ที่บ้านท่าสว่างแห่งนี้ การทอไหมน้อยยากอย่างไร เริ่มตั้งแต่สาวไหมเส้นละเอียดมาฟอก ต้มแล้วย้อมสีธรรมชาติด้วยแม่สีหลักสามสี คือ สีแดงจากครั่ง สีเหลืองจากแก่นแกแล และสีครามจากเมล็ดคราม ซึ่งสีครามนี้ย้อมได้ยาก สมัยก่อนต้องไปย้อมที่บ้านหมอคราม และวิชาก็สูญไปหมด ต้องทดลองฟื้นฟูกันขึ้นมาใหม่ เมื่อได้เส้นไหมย้อมสีแล้ว ยังต้องทำไหมทอง ปั่นเส้นด้ายควบกับเส้นเงินแท้ เพื่อทอเป็นผ้ายกทอง ด้วยลวดลายที่ซับซ้อน จึงต้องใช้ตะกอจำนวนมาก ตั้งแต่ร้อยถึงเป็นพัน ผ้าไหมน้อยยกทองผืนงาม
ที่สุดใช้ถึง 1,416 ตะกอ แขวนลงมาบนกี่ทอหลังใหญ่ที่ออกแบบพิเศษ ต้องขุดหลุมบริเวณที่ตั้งกี่ลึกลงไป 2-3 เมตร เพื่อรองรับความยาวของตะกอ มีช่างทอคนหนึ่งอยู่ในหลุม คอยสอดตะกอ ใช้ช่างทอถึง 4 คนต่อหนึ่งผืน ทอได้วันละ 4-5 เซนติเมตร ใช้เวลานานกว่าจะออกมาเป็นลวดลายอย่างราชสำนักประยุกต์ มาเป็นลายเทพนม ลายหิ่งห้อยชมสวน ลายก้านขดเต้นรำ ลายครุฑยุดนาค ผสานกับลายผ้าพื้นเมืองสุรินทร์ เวลา 15.00 น.ททท.สำนักงานสุรินทร์ นำนายหลินเว่ย ประธานบริหารสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน
และนางจาง ซิงหงษ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวประเทศจีนประจำประเทศไทยพร้อมคณะ ทางต่อไปยังโรงแรมเพชรเกษม เพื่อเข้าชมการคัดเลือกผลิตภัณฑ์สุดยอดสิ้นค้า OTOP ของตัวแทนอำเภอต่างๆในจังหวัดสุรินทร์ พร้อมกันนี้ นางสาวธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผอ.ททท.สำนักงานสุรินทร์ ได้รอให้การต้อนรับและนำนายหลินเว่ย ประธานบริหารสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน และนางจาง ซิงหงษ์ ผู้อำนวยการ การ
ท่องเที่ยวประเทศจีนประจำประเทศไทยพร้อมคณะ เข้าร่วมประชุมแถลงแผนงานการส่งเสริมการท่องเที่ยวประจำปี 2562 ของจังหวัด ณ โรงแรมทองธาริน ในเวลา 15.30 น.ต่อไป