คณะกรรมการประชาชนขอร้องให้ประชาชนยกเลิกการรับประทานเนื้อสุนัขและเนื้อแมว และเร่งให้องค์กรในพื้นที่ทำแคมเปญเพื่อตักเตือนผู้คนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อการติดโรคร้าย รวมทั้งโรคที่อาจทำให้ถึงชีวิตได้อย่างโรคพิษสุนัขบ้า และโรคฉี่หนู ที่อาจเกิดได้จากการรับประทานเนื้อสุนัขและเนื้อแมว
คณะกรรมการกล่าวเสริมอีกว่า การฆ่าและการค้าเนื้อสุนัขและเนื้อแมว ยังมีผลด้านลบต่อภาพลักษณ์ของเมืองฮานอยอีกด้วย
นายซัน กล่าวกับหนังสือพิมพ์ลาวด่ง ว่า ปัจจุบันเมืองฮานอยมีร้านอาหารที่ขายเนื้อสุนัขและเนื้อแมวอยู่กว่า 1,013 ร้าน ถึงแม้จะไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอนของจำนวนเนื้อสุนัขและเนื้อแมวในประเทศเวียดนาม แต่สามารถคาดการณ์ได้ว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านตัวต่อปี มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (ซอยด๊อก) เป็นมูลนิธิที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทย ซึ่งได้ทำงานใกล้ชิดกับคณะกรรมการประชาชนในเมืองฮานอยมาตลอด เพื่อหยุดการซื้อขายเนื้อสุนัข ทางมูลนิธิฯ มีความรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็มีความดีใจกับการประกาศในครั้งนี้
ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ นายจอห์น ดาลลี่ กล่าวว่า "นี่เป็นข่าวที่น่ายินดี เราหวังอย่างยิ่งว่าแผนการนี้จะค่อยๆกระจายออกไปจนทั่วทั้งประเทศ และเป็นเยี่ยงอย่างให้กับเมืองอื่น ๆ ในประเทศเวียดนามด้วย "ไม่มีที่ว่างให้กับความโหดร้ายแบบนี้ในวัฒนธรรมปัจจุบัน เมืองฮานอยเป็นเมืองที่กำลังเติบโตสู่การเป็นเมืองหลวงในศตวรรษที่ 21 และควรละทิ้งการปฏิบัติอย่างยุคมืดออกไป"
ตัวแทนของมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (ซอยด๊อก) ประจำเมืองบ่าวจัน ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า "นี่เป็นข่าวใหญ่ของที่นี่ เป็นข่าวที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาหัวข้อข่าวในประเทศเวียดนาม และดูเหมือนว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้คนอย่างกว้างขวางอีกด้วย ส่วนประกอบที่สำคัญตอนนี้สำหรับเมืองฮานอยคือการพูดคุย และวางกรอบกฎหมายสำหรับการแบนการค้าเนื้อสุนัขและเนื้อแมว ซอยด็อกมีความยินดียื่นมือช่วยเหลือในทุกวิถีทางที่เราทำได้"
สำหรับมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (ซอยด๊อก) เป็นกำลังสำคัญในการจัดการกับองค์กรลักลอบจับและขนสุนัขออกนอกประเทศไทย ผ่านประเทศลาวสู่ประเทศเวียดนาม วันนี้การค้าดังกล่าวลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด มร. ดาลลี่ เคยเป็นสมาชิกคณะกรรมการของรัฐบาลไทยที่ช่วยร่างกฎหมายต่อต้านความโหดร้ายที่มีผลใช้บังคับในปี พ.ศ. 2557 กฎหมายฉบับนี้ยังทำให้การรับประทานเนื้อสุนัขและเนื้อแมวในประเทศไทยเป็นสิ่งผิดกฎหมายอีกด้วย