ความงดงามกันอย่างไม่ขาดสาย บริเวณด้านขวาจากอุโบสถจะมีการทำบุญไถ่ชีวิตโค-กระบือ ไว้สำหรับผู้ที่สนใจร่วมทำบุญ ซึ่งแต่ล่ะโซนฝ่ายในวัดแฝงด้วยปริศนาธรรมต่างๆ ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธานที่งดงาม มีรูปลายรดน้ำและการแกะสลักไม้ทึ่วิจิตรบรรจง ประกอบกับมีรูปปั้นของเหล่าบรรดาพระสาวกต่างๆที่เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ครั้งสมัยพุทธกาล ชั้นบนเพบานประดับด้วยโคมไฟระย้า มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามากราบสักการะ สำหรับวัดแห่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียง ทั้งเหล่าศิลปินดารา มาทำบุญกัน
อย่างไม่ขาดสาย วัดนี้ตั้งขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2520 ได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมา เมื่อปี พุทธศักราช 2537 นับย้อนไปเมื่อต้นปี พ.ศ. 2520 มีพระภิกษุหนุ่มอายุราว 24 ปี เป็นพระธุดงค์ชื่อ ยอดชาย ฉายา อุปติสฺโส พรรษา 1 วัดหนองโตนด (พันท้าว) ต.พงตึก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ต้องการหาสถานที่เพื่อปฏิบัติสมณธรรม คุณทุยได้ชี้นำบริเวณปากคลองคอกหมู ริมแม่น้ำท่าจีน อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนั้นนัก ซึ่งวิเวกร่มรื่นสงบ อากาศดีไม่มีคนพลุกพล่าน แล้วชักชวนญาติสนิทมิตรสหาย ช่วยกันสร้างที่พักสงฆ์ ด้วยจริยาวัตร และสามัคคีธรรมร่วมกันของพระภิกษุกับชาวบ้าน ประสงค์จะสร้างเป็นวัด
จึงขออนุญาตสร้างวัด ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2520 และเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 จนได้รับใบอนุญาตสร้างวัดจากกรมการศาสนา ให้นามว่า "สำนักสงฆ์โพธิธรรมรังษี(ท่าไม้)" ท่านพระอาจารย์ยอด พัฒนาสำนักสงฆ์ ให้เจริญทั้งวัตถุธรรมและศีลธรรม ตลอดจนสาธารณประโยชน์ อาทิ ศาลาท่า, บ่อสูบน้ำบาดาลจ่ายไปยังหมู่บ้านหมู่ 11, ติดตั้งไฟฟ้า, สร้างศาลาการเปรียญ เนื่องจากการคมนาคมในสมัยนั้น ใช้ทางเข้าออกสำนัก เพียงทางเรือทางเดียว ท่านจึงดำเนินการขอถนน จากวัดท่ากระบือมายังสำนักสงฆ์
ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรเศษ ต้นฤดูหนาว คืนวันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2524 ก่อนวันลอยกระทง ท่านพระอาจารย์ยอด แจ้งแก่คุณทวี สมท่า ชาวบ้านอ้อมใหญ่ศิษย์ผู้ใกล้ชิดว่า "ขอฝากวัดด้วย" รุ่งขึ้นท่านได้จาริกหายไปไม่กลับคืนอีกเลย รวมเวลา 4 ปี ของท่านพระอาจารย์ยอดชาย อุปติสฺโส วัดถูกทิ้งร้างหลายปี แต่ท่านเจ้าคณะตำบลท่าไม้ขณะนั้นคือ ท่านพระครูธรรมรัตน์ วัดนางสาว ได้เล็งเห็นประโยชน์แก่มหาชนรุ่นหลัง ให้คงสภาพสำนักสงฆ์ต่อไป และมอบให้ ท่านพระอาจารย์ประสิทธิ์ กิตฺติภทฺโท อายุ 23 ปี พรรษา 2 นักธรรมโท มาเป็นผู้ปกครองดูแล ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2527 ร่วมกับ
พระวิรัตน์ ตนฺติปาโล อายุ 27 ปี พรรษา 5 นักธรรมเอก จากวัดนางสาวเช่นกัน คุณแม่จินตนา แสงวิรุณ ได้นิมนต์ให้พระอาจารย์สุรสิงห์ สุรสีโล มาพักรักษาตัวที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ระหว่างวันที่ 20มกราคม พ.ศ.2530 จนหายอาพาธกลับไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ศกเดียวกัน เมื่อถึงกลางปี พ.ศ.2531 ได้ริเริ่มโครงการสร้างอุโบสถ รวมกับทั้งอาราธนา ท่านพระอาจารย์สุรสิงห์ สุรสีโล พร้อมคณะ จากวัดสุมนาวาส เขากะโหลก ต.ปากน้ำ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นลูกหลานของญาติโยมในพื้นที่ มาสังกัด
สำนักสงฆ์โพธิธรรมรังษีอย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยเหลือในกิจการต่างๆ และเชิญ คุณนิวัติ โศภารักษ์ เป็นประธานสร้างอุโบสถ ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2532 ได้ยกฐานะของสำนักสงฆ์โพธิธรรมรังษี ขึ้นเป็น "วัดท่าไม้" ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากเป็นการสมควรที่วัดท่าไม้จะได้มีเจ้าอาวาส ท่านเจ้าคณะตำบลท่าไม้ ในขณะนั้นคือท่านพระครูสาครธรรมรัตน์ วัดสุวรรณรัตนาราม ได้อาราธนาท่านพระครูโสภณธรรมสาคร เจ้าคณะอำเภอกระทุ่มแบน วัดอ้อมน้อย มาประชุมร่วมกับพระ
ภิกษุสามเณรและทายกทายิกาของวัดท่าไม้ นำเสนอพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชสาครมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร วัดเจษฎาราม ให้พระอาจารย์สุรสิงห์ สุรสีโลเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2533 ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างอุโบสถในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2534 ได้ทุนดำเนินการขั้นต้นรวม 840,000 บาท ตามแบบแปลนของกรมศิลปากร เป็นอุโบสถภายในกว้าง 5 เมตร ยาว 9 เมตร มีมุขหน้าและมุขหลังรวมอีก 6 เมตร มี 6 หน้าต่างมี 4 ประตู สำเร็จในปีเดียวกัน และท่านพระครูศีลสาคร
วิมล ได้สร้างถาวรวัตถุไว้คู่พระศาสนามากมายจวบจบวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ถาวรวัตถุเหล่านี้มีสภาพทรุดโทรม เนื่องจากมีน้ำท่วมเพราะเหตุที่พื้นที่บริเวณวัดต่ำกว่าเขื่อนกั้นน้ำ จนกระทั่งเมื่อ พระครูศีลสาครวิมล อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ได้มรณภาพลง เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาครจึงแต่งตั้งให้พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร ย้ายจากวัดท่ากระบือมาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสสืบจนถึงปัจจุบัน
.
มิสเตอร์ที